รอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี และ บีพี พีแอลซี บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดในยุโรป อาจมีกำไรรายไตรมาสร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 5 ปี หลังภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยฉุดราคาน้ำมันลดลง
ในไตรมาสปัจจุบันราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กอยู่ที่ระดับ 43.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 56% ส่งผลให้บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ทั้งสองต้องระงับการลงทุนในโครงการต่างๆ และเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์ลดราคาน้ำมันลง นอกจากนั้นบีพียังอาจระงับโครงการซันไรซ์ ออยล์-แซนด์ส ในอัลเบอร์ตา เพื่อลดต้นทุน ส่วนเชลล์ตั้งเป้าลดต้นทุนอุตสาหกรรมลงถึง 50%
"รายได้ของบริษัทน้ำมันจะลดลงอย่างมาก และพวกเขาแทบไม่สามารถทำอะไรได้เลย" คอลิน มอร์ตัน จากบริษัท เรนส์เบิร์ก ฟันด์ เมเนจเมนท์ ในเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ กล่าว "นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบริษัทน้ำมัน"
นักวิเคราะห์ 11 ท่านจากการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เชลล์อาจมีกำไรไตรมาสแรกร่วงลง 67% เหลือ 2.56 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 7.85 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนบีพีอาจมีกำไรลดลงเหลือ 2.2 พันล้านดอลลาร์ จาก 6.49 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เชลล์จะเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ ส่วนบีพีจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
ในขณะเดียวกัน โคโนโคฟิลิปส์ บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ กล่าวว่ารายได้สุทธิของบริษัทร่วงลง 80% เหลือ 840 ล้านดอลลาร์ ส่วน Eni SpA บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของอิตาลี มีรายได้ไตรมาสแรกร่วงลง 43% เหลือ 1.9 พันล้านยูโร (2.5 พันล้านดอลลาร์) และ เอ็กซอน โมบิล คอร์ป บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด จะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในวันที่ 30 เม.ย.นี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน