สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนเม.ย.ทะยานขึ้นกว่า 12 จุดสู่ระดับ 39.2 จุด จากระดับ 26.9 จุดในเดือนมี.ค. และยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 29.5 จุด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความหวังที่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดอาจสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการประเมินสถานการณ์ในตลาดแรงงานด้วย นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังมีสัญญาณบ่งชี้ในแง่บวกจากยอดค้าปลีกและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สดใสซึ่งช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นให้คึกคักในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับตัวลดลงในช่วงนี้จากกระแสความหวั่นวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก
แกรี่ เทเยอร์ นักวิเคราะห์จากบล.วาโชเวียกล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เคลื่อนไหวอย่างคึกคักในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค แต่ถึงกระนั้นปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญยังคงมีอยู่ และนั่นอาจทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคแกว่งตัวผันผวนในระยะนี้
"เรายังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดและพร้อมดีดตัวขึ้นแล้ว ซึ่งเรายังคงมีความวิตกทางเศรษฐกิจที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้" แกรี่กล่าวทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างจับตาการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐอย่างใกล้ชิดเพราะข้อมูลดังกล่าวมีสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กให้สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากดัชนีดิ่งลงอย่างหนักในช่วงเช้าเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 8.05 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 8,016.95 จุด สำนักข่าวเอพีรายงาน