พาณิชย์ปรับสูตรขายเนื้อหมูใหม่เป็น 116-124 บาท/กก.ราคาถูกลงเล็กน้อย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 29, 2009 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับกรมปศุสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ผู้ค้าสุกรชำแหละ และผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก เพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาแพง ได้ข้อสรุปร่วมกันที่จะปรับสูตรโครงสร้างราคาสุกรใหม่ จากเดิมราคาสุกรขายปลีก ที่คำนวณจากราคาสุกรเป็นคูณ 2 และบวกกำไรอีก 2 บาท แต่โครงสร้างใหม่จะแยกเป็นราคาสุกรชำแหละ(หมูซีก) ที่คิดจากราคาต้นทุนสุกร เป็นบวกกำไร 10%

ส่วนราคาขายปลีกหน้าเขียง จะคำนวณจากราคาสุกรซีก บวกค่าใช้จ่ายและส่วนของต้นทุนสุกรเหลือทิ้ง หรือส่วนที่จำหน่ายได้ราคาต่ำ ที่มีถึง 60% ของสุกรเป็นทั้งตัว และจะบวกกำไรให้ 7%

และจากสูตรดังกล่าว จะทำให้ราคาเนื้อสุกร จากปัจจุบันราคาที่ 63-64 บาท/กก. บวกกำไร 10% จะเป็นราคาสุกรซีก 73-74 บาท/กก. และราคาสุกรเนื้อแดงที่บวกค่าใช้จ่ายต้นทุนและกำไรอีก 7% จะขายปลีกในราคา 116-124 บาท/กก. แต่หากเป็นสูตรเดิมราคาสุกรเนื้อแดงจะอยู่ที่ 128-130 บาท/กก.

"สูตรโครงสร้างราคาหมูใหม่ จะใช้เป็นราคาแนะนำขายปลีก แต่ไม่ได้บังคับให้เขียงหมูทุกรายต้องใช้สูตรใหม่ เพราะขณะนี้กำลังประสบปัญหาปริมาณหมูออกสู่ตลาดไม่เพียงพอ และต้นทุนการผลิตหมูเป็นเพิ่มขึ้นจากภาวะอากาศร้อน หมูโตช้า และปริมาณลูกหมูล้มตาย ผลผลิตออกสู่ตลาดจาก 12-13 ล้านตัว เหลือ 11 ล้านตัว ทำให้ราคาต้นทุนการเลี้ยงหมูเพิ่มจาก 46-47 บาท/กก. เป็น 49-50 บาท " นายยรรยง กล่าว

อธิบดีกรมการค้าภายใน คาดว่า ภายใน 2 เดือนหลังจากนี้ เมื่ออากาศเย็นลง ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดจะมีมากขึ้น ราคาเนื้อสุกร น่าจะปรับลดลงได้ ขณะเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นช่วงที่ราคาเนื้อสุกรราคาแพง เพื่อลดภาระประชาชน กระทรวงพาณิชย์จึงร่วมกับสมาคม นำเนื้อสุกรคุณภาพดี ราคาถูกมาจำหน่ายในงานธงฟ้าแบบไม่จำกัดจำนวน ซึ่งเตรียมจัดงาน 20 ครั้งภายใน 5-6 เดือน พร้อม รณรงค์สร้างความเชื่อมั่นการบริโภคเนื้อสุกรไทยปลอดภัย 100% หลังจากมีความวิตกจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดเม็กซิโก

ด้านนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า สมาคมจะให้ความร่วมมือ ราคาขายสุกรเป็นอยู่ที่ 62-64 บาท/กก. หากจะมีการเปลี่ยนแปลงราคา จะต้องหารือกับกรมการค้าภายในก่อน

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงว่า ในปี 53-55 ปริมาณการเลี้ยงลูกหมูในประเทศจะลดลงเหลือไม่ถึง 10 ล้านตัว เพราะมีแนวโน้มการบริโภคลดลง และผู้เลี้ยงขาดทุน เกิดโรคระบาด ซึ่งในปี 49 มีปริมาณผลผลิตลูกสุกรเข้าสู่ตลาด ที่มีจำนวน 13.31 ล้านตัว แต่เริ่มลดลงเหลือ 12.09 ล้านตันในปี 51 และเหลือ 11.76 ล้านตัวในปีนี้ จึงทำให้ราคาหมูสูงขึ้นมาก ดังนั้นใน 1-3 ปีข้างหน้า หากสุกรขาดแคลน จะทำให้ราคาปรับสูงขึ้น พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ จะทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ คลัง สาธารณสุข มหาดไทย ห้ามนำเข้าเครื่องในหมู กระดูกป่น และพ่อแม่พันธุ์จากต่างประเทศ เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันปัญหาโรคระบาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ