ผู้ประกอบการภาคเอกชนเผยอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าปีนี้จะขยายตัวติดลบ 20-25% แม้ว่าอาจปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/52 ตามวัฎจักรของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความต้องการมากขึ้นในช่วงดังกล่าว
"การขยายตัวยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกติดลบสูงถึง 30% ลดลงจากในปีก่อนที่ติดลบเพียง 2% และคาดว่าทั้งปีจะติดลบประมาณ 20-25%"นายขัติยา ไกรกาญจน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าว
สำหรับการส่งออกสินค้าเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละปีมีมูลค่าประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้นและลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
นายขัติยา ยอมรับว่า ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนสถานภาพการจ้างงาน ที่ผ่านมาได้มีการปลดคนงานไปแล้วประมาณ 2-3 หมื่นคน และยังไม่สามารถรับคนเพิ่มได้ในปีนี้ แต่อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มรับคนงานในปีหน้าหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น โดยจะสามารถรับคนกลับมาได้ในระดับเดิมที่มีการจ้างงานประมาณ 5 แสนคน จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับกับการขยายตัวในอนาคตและให้ทันกับเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น
ขณะเดียวกันสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับภาคเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาได้จัดโครงการเตรียมคนก่อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับนักศึกษาจบใหม่ให้พร้อมทำงานในภาคอุตสาหกรรมจริง ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับนักศึกษาเข้าร่วมโครงการประมาณ 1,000 คน