นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ มีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ตามข้อเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 53 วงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ วงเงิน 1.436 ล้านล้านบาท คิดเป็น 84.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 52 ที่มีงบรายจ่ายประจำอยู่ที่ 72.3%
รายจ่ายลงทุน จำนวน 212,689.2 ล้านบาท คิดเป็น 12.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด ลดลงจากปีงบประมาณ 52 ที่มีรายจ่ายลงทุน 22%
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 53 มีการนำโครงการ รายการ และวงเงินนอกงบประมาณ ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 250,000 ล้านบาท มาประกอบการพิจารณาเพื่อวิเคราะห์แหล่งเงินที่จะนำมาใช้แต่ละกระทรวง และนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ได้รับวงเงินเพียงพอและเหมาะสม เพื่อเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และการฟื้นฟูเพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยเร็ว
ส่วนรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ มีจำนวน 50,920.9 ล้านบาท คิดเป็น 3% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เทียบจากปีงบประมาณ 52 ที่มีจำนวน 3.3%
สำหรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 53 แยกตามยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต 29.8% ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองทีดี 14.1% ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ 10% และการจัดสรรงบประมาณเป็นการชำระหนี้เงินกู้ 12.6% อุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8% และการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์อื่นๆ 25.5%
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 136,700 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมรายได้ของ อปท.ที่จัดเก็บเอง และที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้ อีกจำนวน 201,100 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 337,800 ล้านบาท คิดเป็น 25.02%
การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 53 แยกตามกระทรวง พบว่า กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณมากที่สุด จำนวน 345,665 ล้านบาท คิดเป็น 20.3% ของงบรายจ่ายทั้งหมด กระทรวงการต่างประเทศ 215,886 ล้านบาท คิดเป็น 12.7% กระทรวงมหาดไทย 185,818 ล้านบาท คิดเป็น 10.9% ส่วนกระทรวงกลาโหม ได้รับจัดสรรงบประมาณ 151,590 ล้านบาท คิดเป็น 8.8% โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ทุกกระทรวง มีการตัดลดวงเงินงบประมาณรายจ่ายเมื่อเทียบปีงบประมาณ 52
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้กรอบวงเงินรวมของกระทรวง และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ส่งผลการพิจารณาการปรับปรุงงบประมาณให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 7-12 พ.ค.นี้ เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียด เพื่อเสนอต่อครม.ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ในวันที่ 19 พ.ค. 51
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่า งบประมาณรายจ่ายปี 53 มีหน่วยงานที่ถูกตัดลดงบประมาณมากที่สุด 4 อันดับแรก คือกระทรวงแรงงาน ได้รับงบประมาณ 22,754 ล้านบาท ลดลง 48.1%จากปี 52 เนื่องจากในปีงบประมาณ 52 กระทรวงแรงงานได้นับรวมวงเงินงบประมาณจากมาตรการเพิ่มค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย (เช็คช่วยชาติ)
รองลงมา เป็นสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับงบประมาณ 22,445 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 45% กระทรวงคมนาคม ได้รับงบประมาณ 51,196 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 29.1% และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบประมาณ 55,865 ล้านบาท ลดลง 21.1%
ขณะที่ปีงบประมาณ 53 มี 3 กระทรวงที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ได้รับงบประมาณ 215,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้รับงบประมาณ 3,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และกระทรวงสาธารณสุข ได้รับงบประมาณ 72,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5%