ออสเตรเลียมีตัวเลขขาดดุลบัญชีพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปจนถึงปี 2559 เนื่องจากรัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมากในโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อสกัดกั้นภาวะถดถอยที่อาจทำให้ยอดคนตกงานพุ่งแตะ 1 ล้านคนภายในช่วงเวลา 2 ปี
เวนย์ สวอน รมว.คลังออสเตรเลียคาดว่า ยอดขาดดุลบัญชีของประเทศจะอยู่ที่ 3.21 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในรอบปีนี้ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. และจะเพิ่มเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2552-2553 จากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่อาจยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะทำให้มีผู้ตกงานมากขึ้นและจะทำให้ออสเตรเลียขาดรายได้ในการจัดเก็บภาษี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะใช้เงิน 8.5 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างถนน ทางรถไฟ และท่าเรือ และใช้เงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการใช้พลังงานจากแหล่งทรัพยากรสะอาด นอกจากนี้จะมีการจัดสรรเงิน 2.6 พันล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัย ส่วนอีก 3.2 พันล้านใช้ในการสร้างโรงพยาบาลและอีก 4.7 พันล้านดอลลาร์จะใช้ในการพัฒนาเครือข่ายบรอดแบนด์
ทั้งนี้ ขุนคลังออสเตรเลียคาดว่าตัวเลขขาดดุลบัญชีประจำปี 2553 มีสัดส่วนคิดเป็น 4.9% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยยอดขาดดุลจะอยู่ที่ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2554 ก่อนที่จะลดลงมาเหลือ 4.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2555 และมาอยู่ที่ 2.82 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2556
ขณะเดียวกัน รัฐบาลคาดว่า เศรษฐกิจจะหดตัวลง 0.5% ในรอบ 12 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย.2553 ขณะเดียวกัน หนี้สินสุทธิจะพุ่งสูงสุดที่ 13.8% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2557 และคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะ 8.5% ภายในเดือนมิ.ย.2554 จากระดับ 5.4% เมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 3.9% เมื่อเดือนก.พ.2551