นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/52 ว่า ธนาคาร มีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท มีสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือน มี.ค.52 จำนวน 57,546 ล้านบาท เป็นส่วนของเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ 48,432 ล้านบาท
โดย ไตรมาส 1/52 ธนาคารได้อนุมัติวงเงินใหม่ สำหรับสินเชื่อและรับประกันการส่งออกเพื่อสนับสนุนแก่ผู้ส่งออกและนักธุรกิจไทยจำนวนทั้งสิ้น 5,434 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้าง ณ มี.ค.52 มีจำนวน 48,028 ล้านบาท และภาระผูกพันประกันการส่งออกจำนวน 12,539 ล้านบาท
และในปีนี้ ธนาคารได้รับการอนุมัติการเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลังจำนวน 5,000 ล้านบาท รองรับบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance) เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกไทยจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศท่ามกลางภาวะวิกฤตการเงินโลก โดยได้ร่วมมือกับธนาคาร 10 แห่ง ภายใต้บริการประกันการส่งออกผ่านสถาบันการเงิน ช่วยให้ผู้ส่งออกไทยซึ่งเป็นลูกค้าของสถาบันการเงินนั้นๆ สามารถเข้าถึงบริการประกันการส่งออกของ EXIM BANK ได้สะดวกขึ้น ผ่านสถาบันการเงินที่ตนเองมีธุรกรรมอยู่ ทั้งยังมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ EXIM BANK ถือเป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้
นอกจากนี้ ธนาคารได้เปิดบริการใหม่ "เอ็กซิมฟอร์เอสเอ็มอี" (EXIM 4 SMEs) เป็นบริการประกันการส่งออกที่จะช่วยให้ผู้ส่งออก SMEs ที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 100 ล้านบาท/ปี มีความมั่นใจที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกไปยังตลาดการค้าเดิมหรือตลาดใหม่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าวิกฤตการเงินโลกจะส่งผลให้ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม โดย EXIM BANK จะช่วยกลั่นกรองข้อมูลผู้ซื้อและประเมินความสามารถในการชำระเงินของผู้ซื้อในต่างประเทศ รวมทั้งช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่แข่งขันได้ ในกรณีที่ส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อแล้วแต่ไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า EXIM BANK จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดถึง 90% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น