นายเกล็น สตีเฟ่น ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวแสดงความเห็นในที่ประชุมสมาคมหอการค้าออสเตรเลีย-แคนาดาที่ซิดนีย์ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ เพราะได้ปัจจัยบวกจากระบบการธนาคารที่มีเสถียรภาพมากขึ้นในออสเตรเลีย รวมทั้งอัตราการผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง และเศรษฐกิจจีนที่ยังขยายตัวได้ดี
"มีข้อมูลในด้านบวกมากมายที่อาจประเมินได้ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นภายในปลายปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจออสเตรเลียจะยังมีสถานะที่แข็งแกร่งและได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้หลายฝ่ายมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ผมมั่นใจในสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นภายในปลายปีนี้เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้ดี และการที่จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของออสเตรเลีย ก็จะทำให้ออสเตรเลียได้ประโยชน์ด้วย" สตีเฟ่นกล่าวสตีเฟ่นคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียที่หดตัวลงในช่วงที่ผ่านมาช่วยให้อัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลง และทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่ระดับ 2-3% ในปีที่แล้ว ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีภายในประเทศจะหดตัวลง 1.25% ในระยะเวลา 12 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย.ปีนี้ และจากนั้นจะดีดตัวขึ้น 0.25%
ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นและอัตราว่างงานที่ร่วงลงเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจออสเตรเลียยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 3% ในเดือนนี้ หลังจากลดดอกเบี้ยลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 4.25% ในระหว่างเดือนก.ย.ปี 2551 จนถึงเดือนเม.ย.ปี 2552 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน