บล.เกียรตินาคิน(KKS)คาดว่า GDP ไทยในไตรมาส 1/52 จะติดลบ 4.5-6.0% หลังจากประเมินตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เมื่อวันที่ 30 เม.ย.พบว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญหดตัวลงอย่างรุนแรง เช่น การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5.3% และ 15.7% ตามลำดับ ซึ่งหากเทียบกับไตรมาส 4/51 พบว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนยังลดลงต่อเนื่องจาก 4.7% และ 12.5% ตามลำดับ
ในขณะที่การส่งออกไตรมาส 1/52 ติดลบ 19.9% และการนำเข้าติดลบ 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ ประกอบกับ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทย ทำให้การนำเข้าหดตัวลงอย่างมาก
"เรามองว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแออยู่ในขณะนี้ และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยเบื้องต้นประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปี 52 หากสถานการณ์ปกติไม่ได้มีปัจจัยที่กดดันทางด้านการเมืองเข้ามากระทบ" บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์
นอกจากนี้ KKS ยังคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย(GDP)ปี 52 จะติดลบ 2.5-4.5%
บล.เคจีไอ(KGI) ประเมินว่า GDP ไตรมาส 1/52 จะติดลบ 6.2% ขณะที่ตลาดคาดว่าจะติดลบ 6.5% ประเด็นที่ต้องติดตามคือการส่งสัญญาณจากผู้จัดทำ GDP ว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วจริงหรือไม่ นอกจากนี้ ปริมาณการระบายสินค้าคงคลังในไตรมาส 1/52 ยังเป็นสิ่งที่น่าจับตาเพราะจะเป็นเครื่องชี้วัดว่าการลงทุนและการผลิตจะกลับมาได้เร็วเพียงใด ขณะที่ บทวิเคราะห์ของ บล.ทรีนิตี้ คาดว่า สภาพัฒน์จะการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/52 ออกมาติดลบ 5.3% พร้อมคาดว่าการบริโภคและการลงทุนในประเทศยังคงทรุดตัวอย่างหนัก ขณะที่ตัวเลขส่งออกสุทธิน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/51 ส่วนตัวเลข GDP ทั้งปีคาดติดลบ 4.0%
และ บล.ไอร่า(AIRA) คาดว่า สภาพัฒน์ฯ จะประกาศ GDP ไตรมาส 1/52 ติดลบ 6.5% ซึ่งลดลงจากไตรมาส 4/51 ซึ่งติดลบ4.3%