ญี่ปุ่นเตรียมพร้อมรับมือความขัดแย้งด้านการค้าหลังหลายประเทศใช้นโยบายปกป้องผลประโยชน์มากขึ้น

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นได้เผยแพร่รายงานประจำปีในวันนี้ ชี้ญี่ปุ่นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความขัดแย้งทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อันเนื่องมาจากหลายประเทศทั่วโลกได้หันมาใช้นโยบายปกป้องผลประโยชน์ของตนเองมากขึ้น โดยจีนเองก็มีนโยบายในการใช้ใบรับรองของจีนเองกับผลิตภัณฑ์ไอทีที่ผลิตในต่างประเทศบางรายการ ขณะที่สหรัฐก็มีนโยบาย Buy American ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้มีการซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐ

ญี่ปุ่นเป็นห่วงเรื่องการใช้นโยบายดังกล่าวในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย บางประเทศเองก็ใช้นโยบายที่สวนทางกับหลักการการค้าเสรีภายใต้ข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO)

โดยรายงานปี 2552 เรื่อง WTO Inconsistency of Trade Policies by Major Trading Partners ระบุว่า มีนโยบายและมาตรการถึง 118 นโยบายที่นานาประเทศได้นำมาใช้และไม่สอดคล้องกับนโยบายการค้าของประเทศพันธมิตรการค้ารายหลักๆ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวนนโยบายและมาตรการในปีที่แล้วที่ 113 นโยบาย

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จีนเปิดเผยว่า ได้วางแผนที่จะใช้โครงการออกใบรับรองภาคบังคับในเดือนพ.ค.ปีหน้า เพื่อใช้ดูแลการจัดซื้อซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ของประชาชนที่มีการติดตั้งไฟร์วอลล์ และผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยด้านไปทีบางประเภท รัฐบาลจีนชี้ว่า นโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงภายในประเทศเอง และยังมีการออกแบบมาเพื่อป้องกันการก่อการร้ายบนอินเทอร์เน็ต ด้วยการใช้วิธีการต่างๆ เช่น การใช้ไวรัสโจมตีคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ดี ประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป ต่างก็กลัวว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้จีนครอบครองข้อมูลที่เป็นความลับเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี โดยญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะกดดันจีนให้ยกเลิกแผนการดังกล่าวในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นที่จัดขึ้นเป็นประจำในเดือนหน้า

ทั้งนี้ การประท้วงมาตรการซื้อสินค้าของชาวอเมริกันก็มีจำนวนมากขึ้น ประธานาธิบดีสหรัฐก็พบกับแรงกดดันมากขึ้นเพื่อให้สหรัฐยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยสหรัฐได้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้หลังจากที่ได้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องพบกับเสียงวิจารณ์จากประเทศพันธมิตรการค้าของสหรัฐเอง โดยสหรัฐแจงว่า มาตรการเหล่านี้ไม่ได้ขัดแย้งกับข้อตกลงด้านการค้าที่มีอยู่

รายงานของกระทรวงระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ผ่านกรอบการเจรจาพหุภาคีขององค์การการค้าโลก หรือการเจรจาระดับทวิภาคีกับประเทศที่เกี่ยวข้อง