อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวในไตรมาสแรกยังโตได้เพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับที่เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐมนตรีคลังอินเดียเผยว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายในงบประมาณเดือนก.ค.นี้มากขึ้น ซึ่งในขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะฟื้นตัว จากอานิสงส์การปรับลดดอกเบี้ยและการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่า 7% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ
นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง ในสิงคโปร์กล่าวว่า "การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5% ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤตประชากรวัยทำงานที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะตกงาน และสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักถึงคือวิธีการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจด้วยการใช้งบประมาณ แต่หากใช้เงินงบประมาณมากเกินไปจะทำให้ตลาดตราสารหนี้ของอินเดียมีแรงเทขายออกมาในอนาคต"
ทั้งนี้ อินเดียมีประชากรวัยทำงานอยู่เกือบ 10 ล้านคนในแต่ละปี ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศกล่าวว่าอินเดียจำเป็นต้องมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างน้อยที่ 10% ต่อปี สำหรับสัดส่วนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 1%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11:05 น. ตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 14,519.75 จุด หลังจากที่ทางการเผยตัวเลขจีดีพีที่สูงเกินคาด ขณะที่เงินรูปีก็ขานรับรายงานดังกล่าวโดยแข็งค่าขึ้นทันทีแตะที่ 47.39 จากดอลลาร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไต่ระดับขึ้นมาอยู่ที่ 6.7% นับตั้งแต่ซิงห์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ยูบีเอส เอจีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียขึ้นเป็น 6.2% ในรอบปีที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2553 จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 5.2% ขณะที่มอร์แกนสแตนลีย์คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวได้ 5.8% เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ 4.4%