ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือนเม.ย.52 ว่า ในด้านภาคการเงิน ณ สิ้นเดือน เม.ย. ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง ขยายตัว 8.8% ส่วนฐานเงิน ขยายตัว 8.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยอดเงินฝากของสถาบันรับเงินฝาก ทรงตัวใกล้เคียงเดือนก่อน ที่ 6% แต่หากนับรวมการออกตราสารหนี้ประเภทตั๋วแลกเงิน เงินฝากจะขยายตัว 8.7% ด้านสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับเงินฝาก ขยายตัว 5.8% เป็นอัตราชะลอลงต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ เป็นการชะลอลงของสินเชื่อที่ให้ในภาคธุรกิจ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ณ สิ้นเดือน เม.ย.52 ดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วัน อยู่ที่ 1.31% และดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน อยู่ที่ 1.23% ตามการปรับลดลงของดอกเบี้ยนโยบาย
แต่ช่วง 1-26 พ.ค. 52 อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ทรงตัวอยู่ที่ 1.25% หลัง กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน เฉลี่ยปรับลดลงอยู่ที่ 1.15%
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน ในเดือน เม.ย.52 เคลื่อนไหวค่อนข้างมีเสถียรภาพท่ามกลางธุรกรรมเบาบาง โดยดัชนีค่าเงินบาท อยู่ที่ 77.32 อ่อนค่าลงเล็กน้อยจาก มี.ค.52 ที่อยู่ระดับ 77.63 สะท้อนการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์ ในอัตราน้อยกว่าค่าเงินในภูมิภาค จากค่าเฉลี่ย มี.ค. เงินบาทอยู่ที่ 35.78 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 35.46 บาท/ดอลลาร์ ในเดือน เม.ย.52