นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทแสดงความคิดเห็นว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือพ.ค.ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง 345,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 520,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐกำลังทุเลาลง
"ตัวเลขจ้างงานที่ปรับตัวลงน้อยเกินคาดในเดือนพ.ค.สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.7% แตะระดับ 90.3 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 84.6 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดในรอบ 7 ปีครึ่ง ข้อมูลเศรษฐกิจเหล่านี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว" เดวิด มอลพาส นักวิเคราะห์จาก Encima Global กล่าว
ลอว์เรนซ์ หยุน นักวิเคราะห์ของ NAR กล่าวว่า ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายในเดือนเม.ย.สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพและจะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ อีกทั้งคาดการณ์ยอดขายบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในฤดูร้อนนี้เนื่องจากราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงได้กระตุ้นประชาชนให้เข้าซื้อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐเลยจุดถดถอยรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากอัตราว่างงานเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้น 9.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.2%
"แม้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐเริ่มบรรเทาลงเนื่องจากจำนวนคนตกงานในสหรัฐเริ่มลดน้อยลง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ชาวอเมริกันก็ยังคงจับจ่ายน้อยลงและออมเงินมากขึ้น นอกจากนี้ มูลค่าบ้านหดตัวลงและบริษัทหลายแห่งรวมถึงเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปลดพนักงานจำนวน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" จอห์น ซิลเวีย หัวหน้านักวิเคราะห์จากวาโชเวีย คอร์ป กล่าว
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นราว 2-3% ในปีหน้า และจากนั้นจะขยายตัวรวดเร็วขึ้นถึง 3.5-4.8% ในปีพ.ศ.2554 ส่วนอัตราว่างงานคาดว่า จะลดลงสู่ระดับ 9-9.5% ในปีหน้า และจะร่วงลงแตะระดับ 7.7-8.5% ในปีพ.ศ.2554 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน