เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านตลาดเงินระดับสูงของจีนได้ผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการออกเงินกู้ให้กับธุรกิจจีนในต่างประเทศ พร้อมทั้งประเมินว่า มาตรการดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนใหม่สำหรับขยายธุรกิจไปต่างประเทศสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซัน ลู่จัน รองผู้อำนวยการฝ่ายเงินทุนของสำนักงานบริหารด้านปริวรรตเงินตรา (SAFE) ของจีนแถลงต่อสื่อมวลชนว่า บริษัทต่างๆจะได้รับอนุญาตให้สามารถกู้เงินได้มากถึง 30% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดรวมถึงในส่วนที่อยู่ต่างประเทศ โดยทางการจะเปิดทางให้บริษัทต่างๆออกเงินกู้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงบริษัทเอกชน
ทั้งนี้ จีน ได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆขยายธุรกิจออกนอกประเทศเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดโลก ขณะที่รัฐบาลต้องการกระจายเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเพื่อลดผลกระทบที่จะทำให้มูลค่าของตราสารหนี้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยจีนซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินในประเทศสูงสุดในโลกถึง 1.95 ล้านล้านดอลลาร์นั้นมียอดถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 7.68 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 มี.ค.2552
เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบแผนกบัญชีเงินทุนของ SAFE กล่าวว่า "เป้าหมายการออกข้อบังคับนี้คือเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเงินทุนจากบริษัทที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานับประการในการระดมทุนและมีความต้องการเงินทุนอย่างมาก ดังนั้นเราจึงต้องให้ความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจระดับโลก"
อย่างไรก็ตาม บริษัทลูกในต่างประเทศจะไม่สามารถกู้เงินได้มากกว่าเม็ดเงินลงทุนเต็มจำนวนที่ลงทะเบียนไว้กับทาง SAFE แต่ทางการคาดว่ากองทุนล็อตใหม่สำหรับเปิดให้กู้ยืมนั้นจะสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากการทดสอบสถานะทางการเงินพบว่า 1 ใน 3 ของบริษัทจีนในต่างประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุน 1.10 แสนล้านดอลลาร์นั้นจะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายข้อบังคับครั้งนี้