กระทรวงพาณิชย์จีนรายงานในวันนี้ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนพ.ค.ร่วงลง 17.8% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 6.38 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทเอกชนลดการใช้จ่าย เพื่อให้กิจการสามารถอยู่รอดในยามที่เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หรือ Great Depression ส่วนเมื่อเดือนเม.ย.ตัวเลข FDI ดิ่งลง 22.5%
หวัง ฉิน หัวหน้านักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ในฮ่องกง กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า จีนกำลังพึ่งพางบประมาณจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าตัวเลข FDI ของจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
"บริษัทเอกชนพยายามลดการใช้จ่ายเพื่อประคองตัวให้อยู่รอดจากวิกฤตการณ์ แม้ตัวเลข FDI ของจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่ก็อาจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก และอาจจะไม่ใช่ระยะใกล้นี้" นายฉินกล่าวนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน กล่าวในระหว่างเดินทางเยือนมณฑลเหอหนานเมื่อวันที่ 12-13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มไม่แน่นอน แต่รัฐบาลจีนได้วางรากฐานที่มั่นคงเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจตลอดปีพ.ศ.2552 ของจีนจะขยายตัวในอัตรา 7.5%