นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคผ่านสายด่วน 1569 ว่ามีสถานีบริการก๊าซ LPG สำหรับรถยนต์ และสถานีบริการก๊าซ NGV ฉวยโอกาสโกงหัวจ่ายมิเตอร์ในช่วงที่ประชาชนแห่เติมก๊าซแทนน้ำมันที่ราคาแพงขึ้น ด้วยการเติมก๊าซไม่เต็มจำนวนและยังปัดเศษเงินเกินกว่าราคาก๊าซที่ได้เติมจริง ซึ่งแม้จะเป็นเงินไม่มากสำหรับรถยนต์แต่ละคัน แต่หากกระทำกับรถทุกคันก็จะคิดเป็นมูลค่าความเสียหายค่อนข้างมาก
"ประเมินว่าหากฉวยโอกาสปัดเศษการคิดราคาก๊าซใน 1 ปี ประชาชนจะเสียหายมากกว่า 80 ล้านบาท แยกเป็นความเสียหายจากผู้ใช้รถใช้แอลพีจีกว่า 550,000 คัน หากใช้วันละ 21 ล้านลิตร จะเกิดความเสียหายถึงวันละ 207,000 บาท ทั้งปีรวม 70 ล้านบาท ขณะที่รถใช้เอ็นจีวีประมาณ 114,000 คัน ปริมาณการใช้ 30 ล้านกก./วัน จะเสียหายวันละ 29,000 บาท ทั้งปีรวม 10 ล้านบาท" นายยรรยงกล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในอนาคตจะกำหนดสูตรการปัดเศษราคาก๊าซจากหัวมิเตอร์ให้เป็นบรรทัดฐานแก่ปั๊มก๊าซทั่วประเทศ หากเศษไม่ถึง 34 สตางค์จะให้ปัดเศษลง เช่น 190.33 บาท จะลดเหลือ 190 บาท แต่หากเกิน 34 สตางค์ จะปัดมาอยู่ที่ 50 สตางค์ และหากเกิน 80 สตางค์ถึงจะปัดให้เป็น 1 บาท และจะส่งสายตรวจสำรวจหัวมิเตอร์จ่ายก๊าซทั่วประเทศ โดยมีสถานีบริการ LPG 560 สถานี 2,916 หัวจ่าย ส่วน NGV มี 300 สถานี 1,174 หัวจ่าย