นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เม.ย.52 มีจำนวน 3.799 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43.02% ของ GDP
หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 91,123 ล้านบาท เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เพิ่มขึ้น 81,001 ล้านบาท มาที่ 2.445 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน เพิ่มขึ้น 7,202 ล้านบาท มาที่ 1.036 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้น 4,948 ล้านบาท มาที่ 205,061 ล้านบาท แต่หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ลดลง 2,028 ล้านบาท เหลือ 108,230 ล้านบาท ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ 3,683 ล้านบาท
การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ เกิดจากการที่รัฐบาลออกตั๋วเงินคลัง จำนวน 115,688 ล้านบาท เป็นการใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 52 จำนวน 61,688 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลได้ออกพันธบัตรรัฐบาล 15,000 ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกพันธบัตร จำนวน 6,000 ล้านบาท และ บมจ.ปตท. (PTT) ได้เบิกจ่ายเงินกู้ระยะยาว จำนวน 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้เบิกจ่ายเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 4,000 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง เกิดจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้าง แยกเป็น สัดส่วนหนี้ต่างประเทศ 381,828 ล้านบาท คิดเป็น 10.05% และหนี้ในประเทศ 3.417 ล้านล้านบาท คิดเป็น 89.95% เป็นหนี้ระยะยาว 88.83% และหนี้ระยะสั้น 11.17%