ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจภาคเกษตรไทยน่ากังวลมากสุดในรอบ 10 ปี เหตุหนี้สินเพิ่มมากกว่ารายได้ แนะรัฐดูแลราคาสินค้าเกษตร หนุนประกันราคาควบคู่รับจำนำ
"ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยน่ากังวลมากสุดในรอบ 10 ปี นับจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 41 เป็นต้นมา โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 98.30% ระบุว่าประสบปัญหาในการดำเนินชีวิตจากต้นทุนค่าครองชีพสูง ระดับราคาสินค้าเกษตรลดลง ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแย่ รวมถึงยอดขายลดลง ส่งผลให้รายได้ และมีหนี้สินมากกว่ารายได้"นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ทำการสำรวจสถานภาพเกษตรกรไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบันจาก 1,757 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-10 ก.ค.52
"ตอนนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของสถาบันเกษตรกรเพิ่มเป็น 2.5% จากเมื่อ 10 ปีก่อนอยู่ที่ 1% แม้จะไม่มากนัก เมื่อเทียบกับของภาคธุรกิจ แต่น่ากังวลมากสุดในรอบ 10 ปี เพราะมีรายได้ลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 51 จากราคาผลผลิตโดยรวมตกต่ำลงกว่า 20% แต่ต้นทุนค่าครองชีพ และการผลิตสินค้าไม่ได้ลดลงตาม จึงทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน แต่เมื่อรายได้ลดลง จึงเกิดหนี้สินมากกว่ารายได้ มีปัญหาการผ่อนชำระ"นายธนวรรธน์ กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดูแลราคาสินค้าเกษตร ซึ่งเห็นด้วยที่รัฐบาลจะใช้มาตรการประกันราคาสินค้าเกษตรควบคู่กับการรับจำนำ แต่ต้องตั้งราคารับประกันให้สูงกว่าราคารับจำนำ เพื่อจูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ซึ่งการรับประกันราคาจะทำให้รัฐบาลใช้เงินน้อยกว่าการรับจำนำ เพราะจ่ายเพียงส่วนต่างของราคาประกันกับราคาที่เกษตรกรขายได้จริง ขณะเดียวกันในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2(เอสพี 2) ของรัฐบาลจะต้องจ้างงานภาคการเกษตร และในชนบทมากขึ้น