อัตราผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น 2 เท่าในปีหน้า จากความต้องการพลังงานสะอาดในสหรัฐและจีนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การผลิตในปีหน้าฟื้นตัวจากที่ตกต่ำลงในปีนี้ท่ามกลางผลพวงของวิกฤตการเงินโลก
ผู้จัดการกองทุน SAM Smart Energy Fund กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า บริษัทที่ดำเนินธุรกิจพลังงานในเอเชีย อย่างซันเทค พาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ โค, ไทรนา โซลา ลิมิเต็ด และแคนาเดียน โซลาร์ อิงค์ อาจได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้น 10 กิ๊กกะวัตต์ในปี 2553 จากปีนี้ที่มีอยู่ประมาณ 6 กิ๊กกะวัตต์
"กำลังการผลิตไฟฟ้าในตลาดปีนี้ยังไม่ขยายตัวมากนักเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน" เขากล่าว "แต่ในปีหน้าดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นมาก จากปัจจัยหนุนของทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน"
ด้านโนมูระ ซีเคียวริตี้กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนล็อตใหม่ในด้านพลังงานสะอาดอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4.50 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2555 จากระดับ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2550 เนื่องจากสหรัฐและยุโรปเพิ่มความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซพิษ ขณะที่สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนจีนเปิดเผยว่า จีนอาจเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นเป็น 10 กิ๊กกะวัตต์ในปี 2563 ซึ่งเพียงพอต่อการใช้พลังงานจาก 10 ล้านครัวเรือนในสหรัฐ จากปัจจุบันที่ผลิตได้เพียง 1.8 กิ๊กกะวัตต์
ทั้งนี้ ซันเทค ผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในโลกและไทรนา โซลาร์ อาจได้รับอานิสงส์จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตขึ้น เพราะมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตที่น้อยกว่ากลุ่มผู้ผลิตในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยในปีนี้หุ้นของซันเทคขยายตัว 36% ขณะที่หุ้นของไทรนา โซลาร์ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 161%