โคคา-โคล่า ผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่สุดของโลกเผยผลกำไรไตรมาสสองพุ่งขึ้น 43% จากอานิสงส์ของการขยายตัวอย่างรวดเร็วในต่างประเทศซึ่งช่วยชดเชยยอดขายในประเทศที่ซบเซา แม้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศจะฉุดรั้งรายได้จากยอดขายให้ลดลง ขณะที่นักลงทุนไม่มีปฏิกริยาต่อข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นโคคา-โคล่าร่วง 1.3% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า รายได้ของโคคา-โคล่าในไตรมาส 2 ขยายตัวที่ระดับ 2.04 พันล้านดอลลาร์ หรือ 88 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.42 พันล้านดอลลาร์ หรือ 61 เซนต์/หุ้น และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
มูห์ทาร์ เคนท์ ซีอีโอของโคคา-โคล่า เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทกว่า 80% มาจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยยอดขายจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% จากอานิสงส์การขยายตัวของธุรกิจในระดับตัวเลข 2 หลักของทั้งจีนและอินเดียซึ่งช่วยชดเชยยอดขายภายในประเทศที่ตกลง 1% ซึ่งภาวะดังกล่าวได้ช่วยพยุงผลประกอบการของบริษัทและปูทางการขขยายตัวในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม รายได้จากยอดขายในต่างประเทศยังมีมูลค่าลดลง 14% จากผลกระทบของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ด้วยตัวเลขยอดขายร่วงลง 9% แตะที่ 8.27 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในระดับ 8.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่าธุรกิจของบริษัทกำลังขยายตัว จากยอดขายต่างประเทศที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต"
ทั้งนี้ โคคา-โคล่าคาดว่า ปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินจะส่งผลกระทบต่อรายได้การดำเนินธุรกิจราว 12-14% ในไตรมาส 3 ก่อนที่จะลดลงในระดับตัวเลข 1 หลักในช่วงไตรมาส 4