ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเผยยอดขายในเดือนก.ค.ขยายตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี จากอานิสงส์ของการเปิดตัวโครงการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยอดขายรถขนาดเล็กของฟอร์ดในเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% จากปีที่ผ่านมาแตะที่ระดับ 158,354 คัน และเพิ่มขึ้น 2.2% จากเดือนที่แล้ว ซึ่งรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยอดขายรถตกต่ำหนักสุดในรอบ 25 ปี
ยอดขายของฟอร์ดที่ปรับตัวขึ้นนั้นเป็นผลสืบเนื่องจาก ยอดขายรถยนต์ขนาดกลางรุ่นฟอร์ด ฟิวชั่นที่มีการปรับโฉมใหม่ และยอดขายที่แข็งแกร่งของฟอร์ด เอสแคป รวมถึงรุ่นเอฟ-ซีรีส์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
โครงการนำรถเก่ามาแลกเงินสูงสุด 4,500 ดอลลาร์เพื่อนำไปซื้อรถใหม่ของรัฐบาลที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามได้ช่วยกระตุ้นยอดขายของฟอร์ด และยังช่วยกระตุ้นยอดขายโดยรวมในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ทรุดฮวบลง 35% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติเงินอีก 2 พันล้านดอลลาร์ให้โครงการดังกล่าวหลังจากที่สภาคองเกรสได้อนุมัติแผนการดังกล่าวเมื่อต้นเดือนก.ค.ซึ่งก็รับความสนใจอย่างท่วมท้นจนเงินทุนงวดแรกมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์หมดไปอย่างรวดเร็ว
ทอม ลิบบี้ นักวิเคราะห์ในตลาดยานยนต์กล่าวว่า โครงการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัฐบาลได้ช่วยกระตุ้นยอดขายโดยรวมของค่ายรถยนต์ให้กลับมามีเสถียรภาพ หลังจากที่ต้องเผชิญกับยอดขายตกต่ำมานานหลายเดือน พร้อมทั้งเสริมว่า โครงการนี้มีความจำเป็นต่อภาคธุรกิจ และได้ส่งผลดีอย่างมากต่ออุตสาหกรรมรถยนต์
ขณะเดียวกันหุ้นของฟอร์ดทะยานขึ้น 6.8% ในช่วงเที่ยงของการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นของฟอร์ดเพิ่มขึ้นอย่างคึกคักมาโดยตลอด หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรไตรมาสสองที่ดีเกินคาดเมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นอกจากฟอร์ดแล้ว บริษัทรถรายอื่นๆจะเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้แข็งแกร่ง ดังจะเห็นได้จากกรณีของฮุนได มอเตอร์ โค ที่ทำยอดขายแซงหน้าไครสเลอร์ กรุ๊ป และนิสสัน มอเตอร์ ได้เป็นครั้งแรก