บริษัท พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล (P&G) ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 80 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 92 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวลดลงอีกเนื่องจากภาคครัวเรือนทั่วโลกลดการใช้จ่ายเพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน P&G คาดว่ายอดขายและประกอบการจะลดลงอีกในระยะใกล้นี้
P&G ซึ่งเป็นผู้ผลิตผ้าอ้อมเด็ก Pampers และมีดโกนหนวด Gillette ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและหันไปซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่า ส่งผลให้ยอดขายสินค้าแบรนด์ดัง รวมถึงเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า Braun, แปรงสีฟัน Oral-B, แบตเตอรี Duracell และมันฝรั่งอบกรอบ Pringles ร่วงลงถ้วนหน้า
ทั้งนี้ P&P ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าแบรนด์ดังในช่วง 2 ปีที่แล้วเพื่อพยายามชดเชยต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่พุ่งขึ้นและการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งส่งผลให้เกิดช่องว่างด้านราคาเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันในห้างสรรพสินค้า ทำให้ลูกค้าหันไปเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่า
P&G ซึ่งคาดว่า ยอดขายของบริษัทซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นผลมาจากการร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์ จะหดตัวลงราว 7-10% ในไตรมาสหน้า พร้อมกับยอมรับว่า ปี 2552 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับ P&G มากที่สุด อย่างไรก็ตาม P&G ยังคงมุ่งเน้นยุทธศาสตร์การลดต้นทุนและการลงทุนที่สนับสนุนการขยายตัวในระยะยาว เอพีรายงาน