นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)เปิดเผยว่า ผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิตปี 52/53 คาดว่าจะออกสู่ตลาดถึง 72 ล้านตัน เพิ่มขึ้นราว 10% จากปีนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 66.5 ล้านตัน เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการการเพาะปลูกอ้อย ราคาปุ๋ยยังทรงตัว ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้คืนเงินส่วนต่างระหว่างราคาอ้อยขั้นต้นกับขั้นสุดท้ายในฤดูการผลิตปี 50/51 จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยมากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยของราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 40 เซนต์/ออนซ์ ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 30 ปี จะทำให้มูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายของไทยในปีนี้สูงถึง 112,000 ล้านบาท และคาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี 52/53 จะอยู่ที่ระดับ 850 บาท/ตัน ขณะที่ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายคาดว่าจะอยู่ที่ 900 บาท/ตัน
เลขาธิการ กอน.ระบุว่า ราคาอ้อยที่ปรับตัวสูงขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายในประเทศ เพราะกำลังการผลิตน้ำตาลทรายในปัจจุบันที่ระดับ 20 ล้านกระสอบ ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศแล้ว ส่วนการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้มีการใช้อ้อยเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันภายหลังการเข้าพบของสมาคมชาวไร่อ้อยภาคอีสานว่า รัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยยึดหลักทฤษฎีความร่วมมือ 3 ขา ระหว่างชาวไร่อ้อย โรงงานผู้ผลิต และกระทรวงอุตสาหกรรม
ส่วนการเปิดโรงงานอ้อยและน้ำตาลทรายในต่างประเทศ เช่น จีน, อินเดีย, รัสเซีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นนั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) จะเป็นผู้สนับสนุนด้านการลงทุน และความร่วมมือจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs BANK) ที่ให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ