รัฐเผยครึ่งปีแรกแนวโน้มประชาชนใช้พลังงานทดแทนสูงขึ้นแม้ราคาน้ำมันถูก

นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.)ของปี 52 แนวโน้มการใช้พลังงานทดแทนยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ในช่วงดังกล่าวครึ่งราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 51 จากราคาเฉลี่ย 104.03 เหรียญสหรัฐ/บาเรล มาอยู่ที่ระดับ 52.94 เหรียญสหรัฐ/บาเรล ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงถึง 7-12 บาท/ลิตรก็ตาม ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายการสร้างแรงจูงใจทางด้านราคา

การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 12.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 56% แยกเป็นการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มจาก 1.9 ล้านลิตร/วัน เป็น 3.8 ล้านลิตร/วัน, แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มจาก 6.0 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 8.4 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์อี 20 เพิ่มจาก 0.04 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.18 ล้านลิตร/วัน

ขณะที่การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มจาก 51.7 ล้านลิตร/วัน เป็น 52.4 ล้านลิตร/วัน หรือเพิ่มขึ้น 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในส่วนของการใช้น้ำมันดีเซล บี 5 เพิ่มจาก 7.8 ล้านลิตร/วัน เป็น 22.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 187.4% หรือเพิ่มเป็น 3 เท่าของปริมาณการใช้ในปี 51

สำหรับการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) ในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 11.5 พันตัน/วัน เพิ่มขึ้นเพียง 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้ในครัวเรือนเพิ่มจาก 5.6 พันตัน/วัน เป็น 5.9 พันตัน/วัน หรือเพิ่มขึ้น 4.1% แต่การใช้ในอุตสาหกรรมลดลงจาก 1.9 พันตัน/วัน เหลือเพียง 1.4 พันตัน/วัน หรือลดลง 25.5% และการใช้ในรถยนต์ลดลงจาก 1.9 พันตัน/วัน เหลือเพียง 1.8 พันตัน/วัน หรือลดลง 2.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้ใช้ LPG ในรถยนต์เปลี่ยนไปใช้ NGV เพิ่มขึ้น โดยการใช้ NGV เพิ่มจาก 55.4 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เป็น 131.3 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 136.8% หรือเพิ่มเป็น 2.4 เท่าของปริมาณการใช้ในปี 51