นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ"อนาคตประเทศไทย"ว่า ขณะนี้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์มวลรวมและรายได้ประชาชาติยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวค่อนข้างต่อเนื่องเมื่อดูไตรมาสต่อไตรมาส ใกล้เคียงในลักษณะตัว V ซึ่งไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่าในภูมิภาคเอเชียจะฟื้นค่อนข้างเร็ว
อย่างไรก็ตาม ตัว V อาจจะกลายเป็น W ได้ จึงต้องระวังไม่ให้มีปัจจัยมากระทบให้ตกลงไปอีก ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าเป็นห่วงปัญหาสภาพการเมืองที่ยังไม่มั่นใจว่าการเมืองไทยเข้ารูปเข้ารอยหรือยัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ไข
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ยังมีบุคคลบางกลุ่มพยายามต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เพื่อนำไปสู่บางสิ่งบางอย่าง ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหาที่จะกลายเป็นชนวนให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนเหล่านั้น
"ผมไม่คิดว่าคนทั้งประเทศจะต้องมีความเห็นตรงกันทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการเมือง แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าเราจะมีกี่สี...บางทีอาจจะเป็นผลดีที่มีหลายสี แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับการทำงานของรัฐบาลจะมีการประเมินผลงานของรัฐมนตรีตลอดเวลา เพียงแต่ขณะนี้เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาจะปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากจะปรับต้องรอเวลาที่เหมาะสม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า นักการเมืองทุกคนโดยเฉพาะคนที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคย่อมมีอิทธิพลทางความคิดต่อประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งหากเป็นความคิดทางการเมืองที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้สร้างปัญหา รัฐบาลก็จะไม่ไปขัดขวาง แต่ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อต้องการทำลายบ้านเมือง รัฐบาลก็ต้องดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย
"ไม่ว่าใครที่เสนอความคิดโดยสุจริต เราไม่ขัดขวาง แต่ถ้าทำเรื่องผิดกฎหมาย ไปยุยงให้คนใช้ความรุนแรงหรือขัดขวางการทำหน้าที่ ก็เป็นหน้าที่ที่บ้านเมืองต้องจัดการ" นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมย้าว่าเรื่องการยื่นฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงนั้น รัฐบาลจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายวางไว้
ขณะที่การติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่ระดับนักธุรกิจในอดีตก็ยังทำได้ยาก เนื่องจากบางประเทศไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือแม้แต่มีข้อตกลง แต่ก็มีเงื่อนไขค่อนข้างมากในการดำเนินการ
"จะสังเกตได้ว่าการเคลื่อนไหวในขณะนี้ เกิดขึ้นในประเทศที่ห่างไกลออกไป แสดงว่ามิตรประเทศให้ความร่วมมือ รัฐบาลก็คงทำได้แค่ตามหน้าที่ที่ทำได้ และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ว่า ขณะนี้ความถี่ของการก่อเหตุรุนแรงเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำคือการเอาชนะใจคนในพื้นที่เพื่อดึงมวลชนให้เข้ามาร่วมมือกับทางการ โดยพยายามจะขจัดข้อหวาดระแวง เช่น เหตุการณ์ยิงถล่มมัสยิด ที่ จ.นราธิวาส หากรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนได้ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดกับคนในพื้นที่ได้ พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการยกระดับความเป็นอยู่ของประประชาชน และดูแลเรื่องการให้ความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่เพื่อให้ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน