ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ และเชื่อว่า กนง.ยังคงดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวไปจนช่วงที่เหลือของปี 52 นี้ และอาจต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 53
กระแสการคาดการณ์ต่อวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายปี 52 ถึงต้นปี 53 โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจตามมาอย่างชัดเจนในช่วงเวลานั้น
ขณะที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์คงจะทยอยเข้าสู่รอบของวัฏจักรขาขึ้นก่อนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ตามภาวะสภาพคล่องของสถาบันการเงินที่จะต้องเผชิญกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการออมประเภทอื่นๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในระยะถัดไป อาจทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ผลการประชุม กนง.ที่บ่งชี้มุมมองเศรษฐกิจในเชิงบวกต่อเนื่องจากการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่าสัญญาณเชิงบวกของเศรษฐกิจไทยจะทยอยปรากฏขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และอาจมีความต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งหลังของปี 52 แต่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้ลดระดับความเข้มข้นลงเท่านั้น
แต่หากมองไปข้างหน้าจะเห็นว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่ต้องเฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแล้ว เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศก็คงเป็นตัวแปรสำคัญที่ไม่อาจละเลยจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไปได้ และต้องยอมรับว่าปัจจัยดังกล่าวมีนัยต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และอาจส่งผลต่อการเบิกจ่ายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นอกจากนี้ ทิศทางราคาน้ำมันก็ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากหากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเร็วและแรงกว่าที่คาด ก็อาจมีผลกระทบต่อโมเมนตัมของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ตลอดจนการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินของธปท.ได้