สภาแห่งรัฐของจีนออกแถลงการณ์ว่า จีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อุตสาหกรรมเกิดใหม่ รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตพลังงานลม โดยเตือนว่าภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมและโครงการซ้ำซ้อนในภาคอุตสาหกรรมกำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจีน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังวางแผนควบคุมการขยายตัวด้านการลงทุนซึ่งเป็นผลมาจากการอัตราการปล่อยสินเชื่อที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
ที่ประชุมสภาแห่งรัฐของจีนซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า เข้าร่วมประชุมด้วย ระบุว่า รัฐบาลสำรวจพบภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและซีเมนต์ และพบโครงการซ้ำซ้อนในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานลมและโพลีซิลิคอน
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า พร้อมกล่าวว่าการควบคุมการขายหุ้นและพันธบัตรของบริษัทต่างๆในภาคอุตสาหกรรมจะช่วยเสริมสร้างอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกันธนาคาพาณิชย์ที่ปล่อยเงินกู้ให้อุตสาหกรรมดังกล่าวก็จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายอุตสาหกรรมฉบับปัจจุบันอย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ สภาแห่งรัฐระบุว่า หน่วยงานของรัฐจะติดตามและตรวจสอบกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และจะมีการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องขอบข่ายการดำเนินงาน ดีมานด์ และนโยบายของรัฐเป็นระยะๆ
เจฟฟ์ แพ็พ นักวิเคราะห์จาก Oberweis Asset Management Inc ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายสกัดกั้นการลงทุนส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กและซีเมนต์ แต่เชื่อว่าจีนจะดำเนินการควบคุมอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในด้านลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จีนกำลังส่งสัญญาณว่าภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่ ซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโดยรวม
บลูมเบิร์กรายงานว่า รายงานข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนจะควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินและการขยายตัวด้านการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้