ธปท.เผยระบบสถาบันการเงินยอมลดสเปรด หวังกระตุ้นยอดสินเชื่อ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 27, 2009 16:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ผลการสำรวจภาวะการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินว่า ในช่วงไตรมาส 2/52 ระบบสถาบันการเงินได้ผ่อนคลายเงื่อนไขการคิดอัตราดอกเบี้ย โดยกำหนดรายได้(Margin) สำหรับลูกค้าจัดชั้นปกติของธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)ให้แคบลง ถือเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 นอกจากนี้ยังได้ปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆลงเล็กน้อยสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย

แต่สถาบันการเงินยังไม่ทิ้งมาตรฐานการให้สินเชื่อทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน แม้ความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นโดยยังมีความเข้มงวดต่อเนื่องและมากกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ ภาวะธุรกิจ เสถียรภาพการเมืองและการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ที่อาจกระทบต่อความสามารถผ่อนชำระของลูกหนี้ได้

นอกจากนี้การให้สินเชื่อบัตรเครดิตยังคงเข้มงวด เนื่องจากความสามารถของผู้กู้ยืมในการผ่อนชำระคืนหนี้ลดลง สะท้อนได้จากการชำระหนี้ล่าช้าและยอดยกเลิกบัตรของลูกค้าที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 90 วันเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อครัวเรือนอื่นๆเริ่มทรงตัวและผ่อนคลายกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสก่อน จากเหตุผลสำคัญมาจากการแข่งขันที่มากขึ้นทั้งจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช้ธนาคารพาณิชย์(Non bank)และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

"มาตรฐานการให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจโดยรวมยังคงเข้มงวด แต่ผ่อนคลายมากกว่าไตรมาสก่อน สะท้อนความเสี่ยงการทำธุรกิจสถาบันการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในบางอุตสาหกรรมจากคำสั่งซื้อที่กลับเข้ามา โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์" รายงานระบุ

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2/52 ความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมลดลงจากไตรมาส 1/52 โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ลดลงตามความต้องการผลิตสินค้าคงคลัง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและความต้องการการเงินทุนหมุนเวียนเริ่มทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน สอดคล้องกับดัชนีการลงทุนเอกชน สะท้อนว่าเศรษฐกิจน่าจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดแล้ว

ขณะที่แนวโน้มภาวะสินเชื่อในไตรมาส 3/52 มาตรฐานการให้สินเชื่อทุกประเภทจะยังคงเข้มงวด จากความกังวลคุณภาพหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนยังคงอ่อนไหวในภาวการณ์เติบโตเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง

ส่วนความต้องการให้สินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากธุรกิเอสเอ็มอี โดยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อครัวเรือนอื่นๆจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะจากแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ความต้องการสินเชื่อบัตรเครดิตคาดว่าจะลดลงจากความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้กู้ที่ลดลง



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ