ผลสำรวจความคิดเห็นภาคธุรกิจซึ่งจัดทำโดยเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงค์ บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8 จุด สู่ระดับ 18 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันธนาคารกลางออสเตเรลียให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมให้สูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างวันที่ 24-28 ส.ค. โดยได้สอบถามความคิดเห็นของบริษัทภายในประเทศกว่า 550 แห่ง ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นที่อยู่เหนือศูนย์บ่งชี้ว่า บริษัทที่มีความคิดเห็นในด้านบวกต่อเศรษฐกิจมีจำนวนมากกว่าบริษัทที่มีความคิดเห็นในด้านลบ
อลัน ออสเตอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงค์ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่พุ่งขึ้นสูงสุดในครั้งนี้อาจกดดันนายเกล็น สตีเฟนส์ ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำสุดในปัจจุบันที่ 3% ในการประชุมเดือนหน้านี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัว 0.6% ปีนี้ ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 2.1% ในปีหน้า
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตัวเลขชี้วัดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2% และมากกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 0.4% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันให้ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยืนอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้
นายเกล็น สตีเฟนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับยอดส่งออกและการลงทุนในภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีจะขยายตัวขึ้นอีกใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้ เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดงบประมาณด้านการสร้างถนน ทางรถไฟ และโรงงาน เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ บลูมเบิร์กรายงาน