ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐอาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนก.ค. เนื่องจากการนำเข้าและส่งออกขยายตัวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวทางการค้าในช่วงที่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลาย
นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.จะขยับขึ้นเพียง 1.1% แตะระดับ 2.73 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าที่ขยายตัวมาตลอดนับตั้งแต่เคยพุ่งขึ้นที่ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
อุปสงค์สินค้าสหรัฐจากกลุ่มประเทศคู่ค้าอย่างจีน เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (อียู) ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้ช่วยพยุงให้สหรัฐรอดพ้นจากภาวะถดถอยนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่รมว.คลังจากกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งเข้าร่วมประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้คำมั่นว่าจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เจย์ ไบรย์สัน นักวิเคราะห์จากเวลล์ส ฟาร์โก ซีเคียวริตี้ แอลแอลซี ในนอร์ทแคโรไลนา กล่าวว่า "เศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพชัดเจนและบรรยากาศทางการค้าจะกลับมาคึกคักอีก ซึ่งหลายประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในแง่บวกบ้างแล้ว"
ส่วนต่างทางการค้าของสหรัฐขยายตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ (cash-for-clunkers) ซึ่งกระตุ้นให้มียอดสั่งซื้อยานยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงก็ทำให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 2.1% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนการนำเข้าอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าในเวลา 08:30 น.ของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน (หรือคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย)