รัฐมนตรีสิงคโปร์จี้ภาคเอกชนรักษาตำแหน่งงานพนักงานที่อายุสูงขึ้น

นายลิม บุน เฮง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เรียกร้องให้ภาคเอกชนสิงคโปร์ยังคงการจ้างงานในองค์กร โดยกล่าวว่าทุกฝ่ายควรทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด พร้อมกับสนับสนุนให้ภาคเอกชนยังคงจ้างพนักงานที่มีอายุมากขึ้นซึ่งถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่า

"สิงคโปร์มีชุมชนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในโลก โดยคาดว่าผู้ที่มีอายุ 50 ปีหรือมากกว่า จะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เป็น 1.8 ล้านคนภายในปีพ.ศ.2573 หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของประชากรในประเทศ อัตราจ้างงานพนักงานที่มีอายุ 55-64 ปีของสิงคโปร์ในปัจจุบันอยู่ที่ 57% ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มการจ้างงานในประชากรกลุ่มนี้เป็น 68% ภายในปีพ.ศ.2555" นายลิมกล่าว

นายลิมกล่าวว่า การจะไปถึงเป้าหมายถึงกล่าวได้นั้น รัฐบาลได้วางมาตรการไว้รอบด้าน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยประชาชนให้ทำงานในองค์กรได้นานขึ้น ซึ่งหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญคือร่างกฎหมาย Re-employment โดยรัฐบาลจะผ่านร่างให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในปีพ.ศ.2555

เมื่อปีพ.ศ. 2548 สิงคโปร์ใช้แผน Advantage Scheme ซึ่งกระตุ้นบริษัทสิงคโปร์กว่า 1,200 แห่งให้จ้างงานกว่า 5,300 ตำแหน่ง และรักษาพนักงานที่มีอายุมากขึ้นไว้ได้ 19,300 ตำแหน่ง และมีการรับพนักงานที่มีอายุมากขึ้นให้เข้าทำงานได้จำนวน 8,800 ตำแหน่ง

นายลิมเรียกร้องให้ภาคเอกชนตระหนักถึงความรอบรู้และประสบการณ์ที่สะสมมานานของพนักงานที่มีอายุมากขึ้นว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้เป็ฯอย่างมาก ขณะเดียวกันพนักงานที่มีอายุเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

"เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุจะมีมากขึ้นในอนาคต ภาคเอกชนจำเป็นต้องหาแนวทางบริหารจัดการด้านการจ้างงานอย่างยืดหยุ่นต่อพนักงานที่มีอายุสูงขึ้น และควรขจัดค่านิยมเลือกที่รักมักที่ชังกับคนสูงอายุ (ageism) ในการรับสมัครงาน" นายลิมกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน