นายจู หมิน รองประธานธนาคาร แบงก์ ออฟ ไชน่า กล่าวว่า เขามองเห็นภาวะฟองสบู่ในหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่มากเกินไป
"ความเสี่ยงที่แท้จริงก็คือการที่สภาพคล่องที่มีอยู่อย่างมากมายกำลังเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์" นายจูกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก "ดังนั้นคุณจึงได้เห็นฟองสบู่ในหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในตลาดจีน และทุกที่ทั่วโลก"ขณะเดียวกันจาง เสี่ยวเฉียง รองประธานคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลจีนที่มีหน้าที่วางแผนเศรษฐกิจของประเทศ กล่าวว่า เขามองเห็นภาวะฟองสบู่เล็กน้อยในภาคพลังงานใหม่ และกำลังหามาตรการในการควบคุมภาวะล้นตลาดตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริงของอุตสาหกรรมพลังงาน
ทั้งนี้ สินเชื่อของจีนที่ทำสถิติขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์ได้ช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้น 7.9% ในไตรมาส 2 แต่ขณะเดียวกันก็ได้จุดกระแสความหวั่นวิตกว่า เงินกู้ของธนาคารกำลังถูกเบี่ยงเบนนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ โดยนำไปซื้อหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเติบโตที่ไม่ยั่งยืนในตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ราคาบ้านในเมืองใหญ่ 70 เมืองของจีนปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 11 เดือนซึ่งเป็นผลมาจากการกู้ยืมและความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้บวกขึ้นแล้ว 62% ในปีนี้
แบงก์ ออฟ ไชน่า มียอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ทั้งสิ้น 1 ล้านล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งมากกว่าธนาคารทุกแห่งของจีน โดยธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของจีน กล่าวในเดือนที่แล้วว่า ธนาคารมีแผนที่จะชะลอการขยายตัวของสินเชื่อในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และจะปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้น
ด้านไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ได้เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วเช่นกันว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารจะลดการอนุมัติสินเชื่อใหม่ลง 70% จากช่วง 6 เดือนแรก เพื่อไม่ให้ยอดหนี้เสียทะยานขึ้น โดยประธานกรรมการ กั๊วะ ชูฉิง กล่าวว่า เงินสดที่มีมากเกินไปในระบบธนาคารได้นำไปสู่ภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารจีนกล่าวว่าทางหน่วยงานจะกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องเงินทุนกับธนาคารต่างๆให้เข้มงวดขึ้น โดยผู้ปล่อยกู้จะต้องมีทุนสำรองถึง 150% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 134.8% ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.
ยอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ของจีนในเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงเหลือไม่ถึง 1 ใน 4 ของยอดปล่อยกู้ในเดือนมิ.ย. แตะ 3.56 แสนล้านหยวน (5.2 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากจากระดับ 1.53 ล้านล้านหยวนในเดือนมิ.ย.
ส่วนยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ในเดือนส.ค. ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในวันที่ 11 ก.ย.นี้ นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กนิวส์สำรวจความคิดเห็นได้คาดการณ์ว่าอาจลดลง 10% แตะ 3.2 แสนล้านหยวน