ธปท.ปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมแบงก์พาณิชย์ เริ่มมีผลใช้ปี 53

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 7, 2009 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธนาคารประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดทำแผนการปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้าธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเห็นผลในเชิงปฏิบัติได้ภายในปี 2553 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ

โดย ธปท.จะนำหลักทางวิชาการและมาตรฐานสากลของประเทศอื่นมาพิจารณาประกอบใช้ โดยเบื้องต้นจะเน้นสร้างการแข่งขันให้เกิดขึ้นเป็นการทั่วไป เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมแทนการกำหนดเพดานการเรียกเก็บ โดยส่วนหนึ่งจะมีการคิดค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้บริการโดยตรงในกรณีใช้บัตรเอทีเอ็ม กดเงินสดต่างธนาคารแทนที่จะเก็บทางอ้อมโดยผ่านธนาคารพาณิชย์เจ้าของเอทีเอ็ม

นอกจากนี้จะแก้ไขปัญหากรณีธนาคารบังคับลูกค้าทำบัตรเดบิตแทนบัตรเอทีเอ็ม ที่มีค่าบริการที่สูงกว่า แต่ธุรกรรมการใช้บัตรเดบิตชำระค่าสินค้าและบริการกลับมีน้อยมาก รวมถึงส่งเสริมการใช้ระบบบัตรสมาร์ทเครดิต เพื่อลดการใช้เช็คในการโอนเงิน แต่จะต้องมีการแก้ไขข้อจำกัดบางประการ เช่น การยกเลิกเพดานการโอนเงินซึ่งปัจจุบันกำหนดที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท/รายการ/วัน

"ต่อไปการแข่งขันจะเป็นตัวกำหนดค่าธรรมเนียม มีการระบุอัตราการเรียกเก็บเพื่อให้ผู้ใช้บริการเลือกและตัดสินใจเอง ซึ่งเมื่อเกิดการแข่งขันมากขึ้นก็จะทำให้ค่าธรรมเนียมปรับลดลงได้ โดยในปีหน้าเรื่องนี้จะชัดเจนขึ้นมากเพราะเป็นแผนหลักของธปท. แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะไปลดรายได้ของแบงก์ แต่ต้องการสร้างระบบให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน" นายฉิม กล่าว

นายฉิม กล่าวอีกว่า ระหว่างนี้ ธปท.จะหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์เพื่อชี้แจงและรับฟังความคิดเห็น เกี่ยวกับมาตรฐานกลาง ข้อกำหนดการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ระดับผู้ประกอบการ เพื่อที่จะให้ระบบการชำระเงินเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน โดยจะประกาศมาตรฐานกลางในปลายปีนี้ และจะให้ผู้ประกอบการทั้งหมด ทยอยปรับระบบการชำระเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในปี 53 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและปริมาณการใช้เช็คให้ลดลง จากปัจจุบันใช้เช็ค 200,000 ฉบับ/วัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ