นายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า รัสเซียอาจต้องใช้เวลายาวนานถึง 15 ปีจึงจะสามารถลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออกพลังงานและพาตัวเองก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจอันทันสมัยได้
"การกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการสร้างระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเศรษฐกิจระบบใหม่เช่นนี้จะสามารถแข่งกันกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ การที่รัสเซียจะลดการพึ่งพาการส่งออกพลังงาน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30-40 นั้น จะต้องใช้เวลานานถึง 15 ปี จากนั้นเราจึงจะสามารถดำรงอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆได้" เมดเวเดฟกล่าวรัสเซียเผชิญกับวิกฤตการณ์สินเชื่อในช่วงที่ประเทศมียอดเกินดุลงบประมาณและเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และในช่วงที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซียมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก จึงทำให้รัสเซียสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงได้ ถึงกระนั้นก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่รวมถึงพลังงานทรุดตัวลงทำให้การส่งออกทรุดตัวลงและฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ธนาคารกลางรัสเซียตัดสินใจลดค่าเงินรูเบิลลงราว 35% เป็นเวลา 6 เดือน จนถึงเดือนม.ค.
เมดเวเฟดยอมรับว่า อัตราการร่วงลงของราคาพลังงานฉุดเศรษฐกิจของรัสเซียชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของรัสเซียรุนแรงกว่าที่ธนาคารโลกและองค์กรอื่นๆคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ภาวะผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงบั่นทอนเสถียรภาพการส่งออกพลังงานของรัสเซียด้วย เพราะเมื่อราคาพลังงานพ่งสูงขึ้น เศรษฐกิจของประเทศก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่เมื่อราคาพลังงานทรุดตัว เศรษฐกิจและประชากรของรัสเซียถูกกระทบหนักมาก เพราะรัสเซียพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออกพลังงานเป็นรายได้หลัก
เมดเวเดฟกล่าวว่า รัสเซียจะสนับสนุนนโยบายพลังงานทางเลือกใหม่ ซึ่งรวมถึงการผลิตเชื้อเพลิงแบบใหม่และสนับสนุนการประหยัดพลังงาน รวมทั้งการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคข้อมูลข่าวสารด้านพลังงาน และผลิตยาใช้เองในประเทศ
ทั้งนี้ เมดเวเดฟคาดว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัว 7.5% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่หน่วยงานของรัฐบาลคาดไว้ว่าจะหดตัวรุนแรงถึง 8.5%