เติ้ง จีหลิน ผู้จัดการทั่วไปของวูฮาน ไออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก รวมทั้งประธานสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีนเปิดเผยว่า จีนเตรียมออกแผนการควบคุมการผลิตเหล็กที่สูงเกินไป เพื่อลดภาวะอุปทานมากเกินความต้องการ (oversupply) โดยในขณะนี้รัฐบาลได้จัดทำแผนการณ์ที่จะระบุถึงวิธีการในการปิดโรงงานที่ล้าสมัย การยกระดับการควบรวมกิจการ และการลดจำนวนบริษัทผู้นำเข้าสินแร่เหล็กภายในช่วงสิ้นปีนี้
ราคาเหล็กในจีนอ่อนตัวลงไปแล้ว 23% นับตั้งแต่ที่ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยภาวะการผลิตที่สูงเกินไปช่วยชดเชยดีมานด์เหล็กที่สูงขึ้นจากการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่บริษัทผู้ผลิตเหล็กบางส่วนก็ต้องขาดทุนกับราคาเหล็กที่ระดับปัจจุบัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า เติ้งกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลจะใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อปิดโรงงานที่ล้าสมัยและส่งเสริมให้มีการควบรวมกิจการมากขึ้น ซึ่งบริษัทเหล็กรายใหญ่จะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวแน่นอน
หุ้นวูฮาน ไอออน แอนด์ สตีล พุ่งถึง 2.5% แตะระดับ 7.37 หยวนเมื่อวานนี้ ส่งผลให้หุ้นดีดตัวขึ้นมาแล้ว 54%
ประธานสมาคมเหล็กกล่าวต่อไปว่า ราคาเหล็กของจีนอาจจะไม่ดีดตัวขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และวูฮาน สตีลเองก็อาจจะซ่อมบำรุงโรงงานเหล็กของบริษัทซึ่งมีแผนที่จะลดผลผลิตลงอยู่แล้ว
ผลผลิตเหล็กในจีนอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้ทุ่มงบกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โดยครม.จีนระบุเมื่อเดือนส.ค.ว่า กำลังศึกษาเรื่องวิธีการควบคุมภาวะอุปทานเกินความต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆของประเทศ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กด้วยเช่นกัน
สมาคมเหล็กโลกคาดการณ์ว่า ดีมานด์เหล็กอาจจะขยายตัว 19% ในปีนี้ มาอยู่ที่ 526 ล้านเมตริคตัร และการขยายตัวอาจจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5% ในปีหน้า
เติ้งกล่าวต่อไปว่า โรงเหล็กในจีนอาจจะมีความสามารถในการผลิตเหล็ก 700 ล้านตันต่อปีในขณะนี้ ซึ่งภาวะอุปทานเกินความต้องการนี้กำลังส่งผลกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจของบริษัทด้วยเช่นกัน