ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกผลิตภัณฑ์อีกลิตรละ 60 สตางค์ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันพรุ่งนี้(22 ต.ค.) หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเฉียด 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันตามสถานีบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 34.14 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 30.54 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 29.74 บาท, ดีเซล ลิตรละ 26.29 บาท และดีเซล บี5 ลิตรละ 24.99 บาท
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(Federal Reserve) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะหลายเดือนข้างหน้า และผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2552 ของบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐส่วนมากออกมาดีเกินคาด รวมถึงบริษัทที่อยู่ในภาคเทคโนโลยี เช่น Yahoo!, SanDisk, Apple แสดงถึงอัตราการบริโภคใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันเข้าซื้อใน Risky assets มากขึ้น
ประกอบกับ Goldman Sachs คาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์/ยูโร ในระยะเวลา 6 เดือน และ Asian Development Bank(ADB) คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียปี 2552 อยู่ที่ 3.9% และเติบโตที่ 6.4% ในปี 2553 ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง
ปัจจัยดังกล่าวผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยวันนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง อยู่ที่ระดับ 76.33 ดอลลาร์/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 2.93 ดอลลาร์) ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซินขึ้นมาอยู่ที่ 80.72 ดอลลาร์/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.62 ดอลลาร์) และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 83.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์) ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศ และค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำมากเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ 57 สตางค์/ลิตร
นายวิทยา กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาน้ำมันคือปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุนที่มีต่อมุมมองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานจำนวนใบขออนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่เดือน ก.ย.52 เพิ่มขึ้น 0.5% นอกจากนี้ Mastercard Advisors ยังประเมินความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค.52 เพิ่มขึ้น 3.7% หรือ 333,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.34 ล้านบาร์เรล ซึ่งสัญญาณของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อการปรับราคาน้ำมันให้สูงขึ้นได้