ยูเรก้าเฮดจ์ (Eurekahedge) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่บริษัทและสถาบันการเงินทั่วโลก รายงานว่า สินทรัพย์ของเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 3.4 หมื่นล้านดอลลารสหรัฐในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน เนื่องจากเฮดจ์ฟันด์มีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น และเนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้น
ยูราก้าเฮดจ์เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า เงินทุนหมุนเวียนสุทธิของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกมีอยู่ทั้งสิ้น 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยหนุนสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของเฮดจ์ฟันด์พุ่งขึ้นเป็น 1.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงขณะนี้ ขณะที่ดัชนี Eurekahedge Hedge Fund Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเคลื่อนไหวของเฮดจ์ฟันด์กว่า 2,000 แห่งทั่วโลก พุ่งขึ้น 2.6% ในเดือนก.ย.
เอ็ด โรเจอร์ส ซีอีโอบริษัท โรเจอร์ส อินเวสท์เมนท์ แอดไวเซอร์ วายเค ในโตเกียว กล่าวว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าลงทุนอย่างคึกคักเนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นแข็งแกร่งในเดือนก.ย. รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ แม้ความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมเฮดจ์ฟันด์อาจสั่นคลอนไปบ้างหลังจาก แกลลีออน กรุ๊ป เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ถูกทางการสหรัฐตรวจสอบในข้อหาใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์ เทรดดิ้ง มูลค่ากว่า 20 ล้านดอลลาร์
"เราไม่เชื่อว่าปลาเน่าตัวเดียวจะทำให้ปลาทั้งข้องเหม็นไปด้วย เพราะเรามั่นใจในแนวทางการตรวจสอบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ว่าจะทำให้นักลงทุนทุกคนเชื่อมั่นว่ากระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม" โรเจอร์สกล่าว
ยูเรก้าเฮดจ์คาดว่า สินทรัพย์ภายใต้การจัดการของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จะเพิ่มขึ้นแตะ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ และหนุนดัชนีรายได้ของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์พุ่งขึ้น 21% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันเมื่อปีพ.ศ.2545 โดยรายได้ของเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ หลังจากขาดทุนอย่างหนักในปีที่แล้วเนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักเพราะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง บลูมเบิร์กรายงาน