ธนาคารกลางอินเดียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ แต่เตือนว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นและสภาวะแห้งแล้งภายในประเทศส่งผลให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นด้วย โดยธนาคารกลางอินเดียคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5% และสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 3%
นายดี ซับบาราว ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดียกล่าวในแถลงการณ์ว่า "ธนาคารกลางยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศไว้ที่ 6% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตกการณ์การเงินได้ อย่างไรก็ตาม ลักษณะและจังหวะของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน"
นายซับบาราวยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มหันมามุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวมากกว่าการจัดการกับวิกฤตการณ์ ซึ่งทำให้อินเดียต้องมุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกัน
การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดียสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่นักวิเคราะห์ยังคงไม่มั่นใจว่าอินเดียจะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเมื่อใด หลังจากเหตุการณ์ล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สผ่านพ้นไป 1 ปี
นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551 ธนาคารกลางอินเดียได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบแล้วกว่า 5.85 ล้านล้านรูปี หรือ 1.255 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับ 4.75% จากระดับ 9% และลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรลงสู่ระดับ 3.25% จากระดับ 6%
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หลังจากที่เคยสัญญาไว้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศฟื้นตัวขึ้น เอพีรายงาน