ซูมิโตโม่ ทรัสต์ แอนด์ แบงกิ้ง และชูโอ มิตซุย วางแผนที่จะควบกิจการกันในช่วงต้นปี 2554 ซึ่งหากมีการควบรวมกิจการแล้ว บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่จะเป็นทรัสต์แบงค์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่น
หุ้นชูโอ มิตซุย พุ่งถึง 12% หลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกมาจากนสพ.นิกเกอิ นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือน ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการระงับการซื้อขายไว้ชั่วคราวเมื่อหุ้นเคลื่อนตัวอยู่ที่ 367 เยน หรือพุ่งขึ้น 7.9% ส่วนหุ้นซูมิโตโม่ ทรัสต์ พุ่ง 4.3%
บลูมเบิร์กรายงานว่า ทั้ง 2 บริษัทได้ระบุในแถลงการณ์ที่ยื่นให้กับตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นว่า ยังไม่มีการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
มิตสึชิเกะ อากิโน่ ผู้บริหารของอิชิโยชิ อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า การควบรวมกิจการถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพื่อการเอาตัวรอดจากแรข่งขันทั่วโลก หากธนาคารยังคงเดินหน้าการควบรวมกิจการดังกล่าวก็ถือเป็นข่าวบวกสำหรับธุรกิจแบงค์โดยรวม เนื่องจากเรายังไม่มีข่าวใหญ่เช่นนี้ออกมาเลยในช่วงนี้
นสพ.นิกเกอิรายงานว่า ซูมิโตโม่ ทรัสต์ จะเป็นองค์กรที่สามารถอยู่รอดได้ โดยบริษัทใหม่จะใช้ชื่อของทั้ง 2 บริษัท ขณะที่ชูโอ มิตซุยตั้งเป้าชำระหนี้ประมาณ 2 แสนล้านเยน หรือ 2.18 พันล้านดอลลาร์ก่อนที่จะมีการควบรวมกิจการ