บริษัท เทลสตรา ของออสเตรเลียเตรียมขอความเห็นชอบจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรองในเรื่องในการแบ่งแยกกิจการเพื่อที่จะดูว่าผู้ถือหุ้นสามารถยอมรับตัวเลขผลตอบแทนได้ในระดับที่เท่าไรเมื่อมีการแยกกิจการไปแล้ว
รัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งการให้เทลสตราแยกกิจการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เดวิด โทดีย์ ซีอีโอของเทลสตราได้กล่าวกับนักลงทุนในการประชุมถึงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะขายธุรกิจที่เกี่ยวกับโทรศัพท์พื้นฐานให้กับบริษัท เอ็นบีเอ็น ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการบรอดแบนด์ภายใต้การดูแลของรัฐบาล เพื่อแลกเปลี่ยนกับหุ้นในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
บลูมเบิร์กรายงานว่า ซีอีโอของเทลสตรากล่าวว่า ตอนนี้เรามีความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ท้าทายบริษัทอยู่ เรามีผู้ถือหุ้นที่เราให้ความสำคัญ แต่ก็ยังไม่สามารถให้คำสัญญาว่าข้อตกลงจะสำเร็จเรียบร้อยได้
เทลสตรายังคงอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาลเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ซึ่งมีทั้งการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแลธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน เพื่อดึงลูกค้าไปยังเครือข่ายบรอดแบนด์ตามที่บริษัทได้เสนอ ขณะที่ซีอีโอต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับแพลทฟอร์มไฟเบอร์มากกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะสว็อปสินทรัพย์เป็นหุ้นหรือไม่
การแสดงความเห็นของนายโทดีย์นั้นมีขึ้นหลังจากที่มีเอกสารที่เป็นความลับหลุดออกมาและเปิดเผยถึงมูลค่าเครือข่ายสายทองแดงของเทลสตราว่าอาจจะอยู่ในช่วง 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งเอกสารดังกล่าวจัดทำโดยองค์กรกำกับดูแลด้านแอนไททรัสต์ของออสเตรเลีย ซึ่งการเจรจาเรื่องอนาคตของบริษัทระหว่างผู้บริหารและเจ้าหน้าที่รัฐบาลออสเตรเลียนั้นยังคงเป็นประเด็นที่ครอบงำแนวโน้มของบริษัทอยู่
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลออสเตรเลียสั่งห้ามเทลสตราซื้อคลื่นความถี่ใหม่เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการโทรศัพท์มือถือยกเว้นว่า บริษัทจะได้ขายกิจการที่เกี่ยวกับโทรศัพท์พื้นฐานออกไป