ผลสำรวจ Bloomberg Global Poll ชี้นักลงทุนเทรดตลาดหุ้นน้อยลงเหตุวิตกปัญหาเศรษฐกิจ-ภาคธนาคาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 29, 2009 10:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย ซึ่งจัดทำโดย Bloomberg Global Poll บ่งชี้ว่า นักลงทุนเข้าเทรดในตลาดหุ้นน้อยลงแม้ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นไปแล้ว 68% ในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับระบบการธนาคารและนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกการเมืองแทรกแซง

ผลสำรวจระบุว่า 31% ของนักลงทุนที่ตอบรับการสำรวจกล่าวว่า พวกเขาเตรียมนำเงินลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับ 35% ของการสำรวจครั้งที่แล้วซึ่งมีขึ้นเมื่อเดือนก.ค. ขณะที่เกือบ 40% กล่าวว่าพวกเขายังไม่อยากเสี่ยงเข้าลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งนักลงทุนในสหรัฐมีความระมัดระวังการลงทุนมากกว่าภูมิภาคอื่น โดยกว่า 50% กล่าวว่าพวกเขาเลือกที่จะรอดูความเคลื่อนไหวในตลาดก่อนที่จะโดดลงไปเสี่ยง

ดัชนี MSCI AC World Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั่วโลก พุ่งขึ้น 68% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา

นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกมองว่า ปัญหาในระบบการเงินของสหรัฐเป็นต้นตอที่นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย จึงทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐมีความเสี่ยงมากที่สุด โดย 1 ใน 4 ของนักลงทุนที่ตอบรับการสำรวจเชื่อว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 11% มากกว่าที่คณะทำงานของโอบามาคาดว่าจะอยู่ที่ 9.7%

ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า ตลาดหุ้นในเอเชียน่าลงทุนมากที่สุด โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน อินเดีย และบราซิล เป็นตลาดหุ้นที่มีศักยภาพมากที่สุด และหุ้นกลุ่มสินทรัพย์โภคภัณฑ์ถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และพันธบัตรไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก โดย 40% ของนักลงทุนที่ตอบรับการสำรวจกล่าวว่าตลาดพันธบัตรจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปีหน้า

กว่า 50% ของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ที่ตอบรับการสำรวจคาดการณ์ว่า รัฐบาลทั่วโลกจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีก 6 เดือนข้างหน้า อีกทั้งเชื่อว่าหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะบูมมากที่สุดเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ ทองคำ ทองแดง ข้าวโพด และถั่วเหลือง จะทะยานขึ้นถ้วนหน้าในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้

นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นลบต่อสกุลเงินดอลลาร์ โดยคาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงอีกเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลกในปีนี้ และคาดว่าเงินเยนจะผงาดขึ้นเป็นสกุลเงินที่น่าจับตามากที่สุดในบรรดา 11 สกุลเงินที่สำคัญ

บลูมเบิร์กรายงานว่า การสุ่มสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเอเชีย สหรัฐ และยุโรปในครั้งนี้ มีขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 ต.ค.2552 โดยการสอบถามมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น ความคิดเห็นที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งผลการสำรวจมีความคลาดเคลื่อนบวกลบไม่เกิน 2.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ