บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (2-6 พ.ย.52) โดยคาดว่าเงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ การประกาศอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.52 ของกระทรวงพาณิชย์, สถานการณ์การเมืองในประเทศ, ทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในภูมิภาค และสัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ขณะที่ทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ อาจขึ้นอยู่กับแถลงการณ์หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (3-4 พ.ย.) และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น ดัชนี ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ, ตัวเลขการปรับลดตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรกรร,ม อัตราการว่างงานเดือนตุลาคม, ยอดสั่งซื้อของโรงงาน, ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales), รายจ่ายด้านการก่อสร้าง, ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนกันยายน รวมทั้งข้อมูลประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย(ขั้นต้น) ประจำไตรมาส 3/2552
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีน่าจะปรับฐานต่อจากแรงขายหุ้นของนักลงทุน โดยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 682 และ 660 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 703 และ 730 จุด
โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องจับตา ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 2 พ.ย. และผลประกอบการไตรมาส 3/2552 ของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศที่สำคัญ คงจะต้องติดตามผลการประชุมนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 3-4 พ.ย. ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน และทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสหรัฐฯ เช่น ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือน ก.ย.(Pending Home Sales) และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ต.ค.