ยอดใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวดีเกินคาด เพราะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยจุดความหวังว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาฟื้นตัวและจะช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคเพื่อให้รอดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากร่วงลง 0.1 % ในเดือนส.ค. และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะลดลง 0.3%
ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างโดยรวมที่ขยายตัวดีขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายด้านการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น 3.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2546 ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าภาคตลาดดังกล่าวเริ่มดีตัวและน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลที่เป็นอุปสรรคหนักหน่วงของการดำเนินกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอาจส่งผลให้ผู้ก่อสร้างเร่งเดินเครื่องก่อสร้างโครงการต่างๆอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการลดหย่อนภาษีผู้ซื้อบ้านหลังแรกมูลค่ากว่า 8,000 ดอลลาร์นั้นจะหมดอายุลงในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างโดยรวมในเดือนก.ย.ขยายตัวแตะที่ 9.402 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังจากที่ร่วงลงต่อเนื่อง 4 เดือน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างภาคประชาชนเพิ่มขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.264 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของภาครัฐบาลกลางขยายตัว 0.7% และกิจกรรมการก่อสร้างภาครัฐทะยานขึ้น 1.4% ซึ่งโครงการก่อสร้างของรัฐบาลได้รับเงินทุนช่วยเหลือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา