ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในระยะเวลาเพียง 4 สัปดาห์ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางออสเตรเลียวิตกกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลียออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการมีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.5% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.เป็นต้นไป เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกเริ่มขยายตัวขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของออสเตรเลียขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ยอดส่งออกของออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์มองว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ 2 ในการประชุมวันนี้มาจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐาน ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ พุ่งขึ้น 3.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 2-3% ส่วนดัชนีซีพีไอทั่วไปไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นช้าที่สุดในรอบ 10 ปี หลังจากพุ่งขึ้น 1.5% ในไตรมาส 2
บลูมเบิร์กรายงานว่า การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากปรับตัวขึ้นของตัวเลขจ้างงานเอกชน ยอดค้าปลีก และราคาบ้านในออสเตรเลีย รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางมองว่าเศษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งมากพอที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ระดับปกติได้
นายเวน สวอน รมว.คลังออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัว 1.5% ซึ่งรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้น และดีมานด์ถ่านหินและสินแร่เหล็กจากจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.5% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.9%