ดัชนีราคาบ้านของอังกฤษในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยเฉพาะราคาบ้านในลอนดอนที่พุ่งขึ้นราคาบ้านโดยรวม เนื่องจากปริมาณบ้านในตลาดเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ
ผลสำรวจดัชนีราคาบ้านจากสถาบัน Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) ระบุว่า ราคาบ้านในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงกว่าที่มีรายงานว่าลดลง 34% โดยดัชนีเพิ่มขึ้นมาจากระดับ 21 จุดในเดือนก.ย. และเป็นระดับการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 ขณะเดียวกันผลสำรวจภาคธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษรายงานยอดขายในเดือนต.ค.ที่ขยายตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545
ไซมอน รูบินซอห์น นักวิเคราะห์จาก RICS กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "มีปัจจัยหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า สถานการณ์ในตลาดเริ่มดีขึ้น ขณะเดียวกันภาพรวมตลาดขณะนี้อยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่าสินค้าขาดตลาด"
ทั้งนี้ ผู้ซื้อบ้านเริ่มกลับเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ราคาบ้านร่วงลงอย่างมากจากระดับสูงสุดในปี 2550 ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษมีมติชะลอการซื้อพันธบัตรหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยทำให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอยในรอบ 30 ปี
ราคาบ้านในอังกฤษที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากราคาบ้านในกรุงลอนดอนที่พุ่งนำช่วงขาขึ้นของราคา ซึ่งทะยานสู่ระดับ 95 จุด และเป็นระดับสูงสุดในเดือนธ.ค.2539
เจมส์ เพอร์ริส จากบริษัท De Villiers Surveyors ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "เรายังคงเห็นว่า อุปสงค์จากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อฟื้นตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับจำนวนบ้านในตลาดที่มีอยู่จำกัด ดังนั้น ราคาบ้านจึงยังขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง"
อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยลบที่เหนี่ยงรั้งการใช้จ่ายและมูลค่าบ้านให้ลดลง โดยบริษัท Savills Plc คาดว่าราคาบ้านในปีหน้าจะร่วงลงหนักสุดที่ระดับ 6.6% ซึ่งจะสวนทางกับที่คาดว่าขยายตัวประมาณ 3.7% ในปีนี้