เวสต์แพค แบงกิ้ง คอร์ป ร่วมกับสถาบันวิจัยเมลเบิร์น รายงานว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียในเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพ.ค. หลังจากธนาคารกลางได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 2 พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าจะค่อยๆขึ้นดอกเบี้ยอีกในอนาคต
ผลสำรวจความดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 2.5% ไปอยู่ที่ 118.3 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 2-8 พ.ย. จากการสอบถามผู้บริโภค 1,200 คน
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงอาจทำให้เกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 3.5% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่ได้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนต.ค.และพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า รายงานอัตราว่างงานออสเตรเลียเดือนต.ค.จะขยับขึ้นไปแตะที่ 5.8% จากระดับ 5.7%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า 10:32 น.ตามเวลาซิดนีย์ เงินดอลลาร์สหรัฐเทรดที่ระดับ 93.01 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 93.05 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 2 ปีย่ำฐานทรงตัวที่ 4.71%
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไต่ระดับขึ้น 37% ในรอบ 5 เดือน หลังออสเตรเลียหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะได้รับแรงกระตุ้นจากการลดดอกเบี้ย 4.25% ของธนาคารกลางในระหว่างเดือนก.ย.2551 และเดือนเมษายน รวมถึงการจัดสรรเงินช่วยเหลือแก่ภาคครัวเรือนกว่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ขณะเดียวกัน ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียขยายตัวขึ้น 28% ในปีนี้