สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 12 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระด้บต่ำสุดอีกระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,114.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 12.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,105.60-1,119.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 17.537 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.966 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,369.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 18.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 345.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์
จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals Inc กล่าวกับเอพีว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นหลังจากดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2551 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรมว.คลังสหรัฐออกมาสนับสนุนนโยบายดอลลาร์แข็งค่า โดยดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดยืนยันว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลกได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,114.443 ตัน ณ วันที่ 10 พ.ย. ซึ่งทรงตัวจากวันที่ 9 พ.ย. โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองทุนได้ถือครองทองคำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,134.03 ตัน