ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับคาดการณ์ GDP ปี 52 หดตัวลดเหลือ 3.3%, ปี 53 โต 3%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 19, 2009 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับประมาณการอัตราการขยายตัว(จีดีพี)ของเศรษฐกิจไทยในปี 52 มาเป็นหดตัวลดลงเหลือแค่ 3.3% จากเดิมคาดว่าอาจจะหดตัว 3.5-4.1% ขณะที่คาดว่าปี 53 จีดีพีอาจขยายตัวได้ในระดับปานกลางอยู่ที่ 3.0%

ทั้งนี้ จากเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างๆ สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/52 ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในหลายประเทศของโลก ประกอบกับผลของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการไทยเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้มูลค่าจีดีพีเติบโตค่อนข้างสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 2/52

ดังนั้น ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3/52 จะขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจติดลบ 3.3% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัว 4.9% ในไตรมาส 2/52

ส่วนเศรษฐกิจไตรมาส 4/52 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกในอัตรา 2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่แนวโน้มการฟื้นตัวมีโอกาสที่จะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามทิศทางเศรษฐกิจต่างประเทศที่ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเบาบางลง ขณะที่สถานการณ์ในประเทศมีปัจจัยฉุดรั้งจากหลายด้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยสี่ยงทางเศรษฐกิจทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศและภายในประเทศ ได้แก่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G-3 ยังมีความเปราะบาง โดยปัญหาการว่างงานสูงจะยังคงเป็นปัจจัยลบที่จะฉุดรั้งการฟื้นตัว ขณะที่ เศรษฐกิจเอเชีย แม้มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่ง แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะการเติบโตที่มาจากเร่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ในทางกลับกันอาจนำมาซึ่งความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะฟองสบู่หรือปัญหาอุปทานล้นเกิน (Oversupply) ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มของวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ได้

แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อน อาจเป็นปัจจัยเร่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะยิ่งกดดันการใช้จ่ายของภาคการบริโภคในประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย

ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศ และการเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยปัญหาการเมืองอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน การท่องเที่ยว และเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งจะมีผลต่อความคืบหน้าในดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ขณะที่ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา จะสร้างความรู้สึกกังวลใจให้แก่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งอาจสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจหากปัญหาลุกลามออกไป

นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมายจะกระทบต่อการลงทุนในธุรกิจบางประเภท เช่น การลงทุนในกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เช่นกรณีการระงับโครงการลงทุน 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุด นอกจากนี้ ยังมีกรณีข้อติดขัดของการให้อนุญาตเอกชนลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม เป็นต้น



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ