(เพิ่มเติม1) ม.หอการค้า ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 53 โต 3.2% จากติดลบ 3.1% ในปี 52

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 19, 2009 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 53 จะขยายตัวในระดับ 3.2% จากที่ขยายตัวติดลบ 3.1% จากปี 52 ซึ่งอยู่ในกรอบที่เคยประมาณการไว้ที่ขยายตัวติดลบ 3.0-3.5%

"แนวโน้มปี 53 คาดว่า(เศรษฐกิจไทย)จะเติบโตในกรอบ 2.5-4.0% โดยมีโอกาสเติบโตมากสุดที่เป็นบวก 3.2%" นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยเป็นบวก โดยเฉพาะการส่งออกน่าจะขยายตัว 10.1% ราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้นทำให้รายได้ภาคเกษตรขยายตัว 4.4% เมื่อเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังการใช้จ่ายเพิ่มจะช่วยขับเคลื่อนให้การบริโภคภาคประชาชนขยายตัวได้ถึง 3.7%

"หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่ำกว่าคาด การเมืองภายในขาดเสถียรภาพ และยังมีปัญหาการลงทุนในมาบตาพุด ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวเพียงแค่ 2.5% แต่ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีกว่าที่คาด การเมืองมีเสถียรภาพ และไม่มีปัญหาการลงทุนมาบตาพุด เศรษฐกิจก็จะขยายตัวได้ถึง 4%"นายธนวรรธน์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยที่จะทรงตัวระดับต่ำ และทั้งปี 53 จะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 0.25-0.50% ราคาน้ำมันจะไม่เพิ่มสูงในครึ่งปีแรก และรัฐบาลมีการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจปีละ 5 แสนล้านบาท ขณะที่การขยายตัวภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 4.9% การลงทุนขยายตัว 7.4% และการท่องเที่ยวขยายตัว 10.2% สร้างรายได้กว่า 530,000 ล้านบาท ส่วนการว่างงานลดเหลือ 0.9%

แต่มีปัจจัยที่ต้องระวังคือ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เสถียรภาพทางการเมือง การลงทุนในมาบตาพุด และปัญหาโรคระบาด ภัยธรรมชาติ ซึ่งหากเกิดรุนแรงจะบั่นทอนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ช้าลง และอาจขยายตัวได้เพียง 2.5% แต่หากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวดีขึ้นเกินคาด และไม่มีปัญหามาบตาพุด เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ถึง 4%

ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 52 จะขยายตัวติดลบ 3.1% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว รวมทั้งปัญหาการเมืองที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการผลิตและภาคการส่งออกจนทำให้ขยายตัวในระดับต่ำ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศให้ชะลอตัวลงด้วย โดยการส่งออกติดลบ 14.6% การบริโภคติดลบ 1.1% การลงทุนติดลบ 10.5% ภาคอุตสาหกรรมติดลบ 5.8% และภาคเกษตรติดลบ 0.4%

แต่ในช่วงปลายไตรมาสสามของปีนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวเป็นบวกต่อเนื่องมายังไตรมาสสุดท้าย ซึ่งน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 2.7% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวครั้งแรกของปีนี้ หลังจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภคภาคประชาชน และภาคเกษตร

"ภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวแล้ว โดยจะดีตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ต่อเนื่องยาวไปถึงปีหน้า โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาคส่งออกที่ฟื้นตัว ทำให้อุตสาหกรรมภาคการผลิตมีการขยายตัวตาม ทั้งการลงทุน และจ้างงาน ส่งผลให้ภาคประชาชนมีกำลังการบริโภคอีกครั้ง นอกจากนี้ภาคการเกษตรที่จะกลับมาเป็นบวก หลังแนวโน้มราคาน้ำมัน มีแนวโมสูงขึ้น ทำให้พืชทดแทนพลังงานมีความต้องการ และราคาสูงขึ้นตาม รวมถึงกลุ่มอาหาร เช่น ข้าว แต่สิ่งที่กังวลคือ หากเกิดปัญหามาบตาพุด หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้" นายธนวรรธน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ