"หม่อมอุ๋ย"หนุนรัฐบาลเร่งผลักดันโครงการเซาเทิร์นซีบอร์ดทดแทนมาบตาพุด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 19, 2009 18:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้(เซาท์เทิร์นซีบอร์ด) เพื่อเร่งส่งเสริมการลงทุนทดแทนพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก(อีสเทิร์นซีบอร์ด)ที่มีปัญหาติดขัดเรื่องกฎหมาย

"การพัฒนาประเทศในระยะต่อไปจำเป็นต้องยึดกระแสหลักที่เคยดำเนินการมาตั้งแต่อดีตคือการพัฒนาอุตสาหกรรมและให้การส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวในงานสัมมนาของสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นและเชื่อมั่นว่าจากนี้ไปจะไม่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาลงทุนในไทยอีกต่อไป เพราะขณะนี้พื้นที่หลักของการลงทุนในอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กำลังประสบปัญหามลพิษจนทำให้ศาลปกครองต้องมีคำสั่งระงับ 76 โครงการลงทุนชั่วคราว ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าผลักดันโครงการเซาท์เทิร์นซีบอร์ด

"รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะตัดสินใจภายใน 6 เดือนข้างหน้าที่จะเปิดพื้นที่ใหม่ โดยการพัฒนาพื้นที่เซาท์เทิร์นซีบอร์ด แม้ว่ากระแสความนิยมของรัฐบาลจะตกลงไปบ้างจากการคัดค้านของชุมชน แต่ถ้าสามารถทำให้อุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันได้กระแสความนิยมก็จะกลับมาเองในภายหลัง แต่หากไม่ทำอะไรเพื่อรักษากระแสความนิยมไว้ก็เชื่อว่าในอนาคตความนิยมจะลดลง"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า พื้นที่เซาท์เทิร์นซีบอร์ดถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับการลงทุน เพราะสามารถสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกและมีศักยภาพในการเป็นเวสต์เกทหรือเป็นประตูไปสู่ภูมิภาคอื่น

ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็จะต้องเร่งเพิ่มกำลังซื้อในประเทศด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งในระดับรากหญ้าที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้นและส่งผลให้เศรษฐกิจเข้มแข็งมากขึ้น

ด้านนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 53 จะสามารถขยายตัวได้อย่างน้อย 3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่มีอยู่ เพราะสถานการณ์การเมืองยังไม่สงบจนกลายเป็นอุปสรรคของเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญไปอีกอย่างน้อย 1 ปี

ขณะเดียวกันการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยยังต้องอาศัยภาคการค้าเป็นหลัก ทั้งในแง่ของการส่งออกและนำเข้า เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยที่รัฐบาลต้องไม่ละเลยภาคการเกษตรด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันไทยต้องใช้ความได้เปรียบของภูมิประเทศที่อยู่ตรงกลางของเอเชียให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศเข้ากับภูมิภาคด้วย

ขณะที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) กล่าวว่า ประเทศไทยต้องตื่นตัวรองรับกับกฎเกณฑ์เงื่อนไขของโลกที่จะตามมาโดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายประเทศได้ให้ความสำคัญอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้ผลักดันและส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ